ซน อึงจอง เบื้องหลังความสำเร็จของชายที่ชื่อ ซน ฮึงมิน
TG.Thaigunners@gmail.com
+6696-293-9839

COLUMNISTS

ซน อึงจอง เบื้องหลังความสำเร็จของชายที่ชื่อ ซน ฮึงมิน

1444 20-9-2022 Share

ในอดีตที่ผ่านมาของประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลระดับโลก มียอดนักเตะชาวเอเชียที่เดินทางไปค้าแข้งในดินแดนยุโรปและฝากผลงานจนกลายเป็นที่จดจำหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ฮิเดโทชิ นากาตะ , ชุนสุเกะ นากามูระ, เคสึเกะ ฮอนดะ, พัค จีซอง

แต่ในยุคปัจจุบัน คงไม่มีใครโดดเด่นเกินไปกว่าซูเปอร์สตาร์แห่งแดนโสม ที่ชาวเกาหลีใต้ภาคภูมิใจอย่าง ซน ฮึงมิน อีกแล้ว

ปีที่ผ่านมา ซน ฮึงมิน คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งเอเชียเป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน และเป็นครั้งที่ 7 ของเจ้าตัว จากจำนวน 9 ครั้ง ตั้งแต่เริ่มมีการประกาศรางวัลดังกล่าวในปี 2013 โดยรางวัลนี้เทียบได้กับรางวัลบัลลงดอร์ (Ballon D’or) แห่งทวีปเอเชีย 

พรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาล 2021-2022 (ฤดูกาลที่ผ่านมา) ซน ฮึงมิน ประกาศศักดิ์ดาก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดคนหนึ่งในยุโรป ด้วยการยิง 23 ประตู(ไม่มีลูกจุดโทษ) ส่งให้เขากลายเป็นนักเตะจากเอเชียคนแรกที่ได้รางวัลufabetดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีก

เบื้องหลังความสำเร็จของชายที่ชื่อ ซน ฮึงมิน ล้วนแล้วมาจาก ซน อึงจอง พ่อผู้ให้กำเนิดเขา ที่ได้วางรากฐาน การฝึกซ้อมให้ ซน มาตั้งแต่ยังเด็ก จนกลายเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เขากลายเป็นนักเตะระดับโลกอย่างในปัจจุบัน

-ซน อึงจอง พ่อผู้วางเส้นทางชีวิต และ กฎเข้มงวด

พ่อของเขาคือ ซน อึงจอง (Son Woong-Jung) เขาเคยค้าแข้งในช่วงยุค 80 เคยติดทีมชาติเกาหลีใต้ชุดบี ก่อนแขวนสตั๊ดในวัยเพียง 28 ปี แล้วผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล 

ในวัยเด็ก ซน เติบโตขึ้นมาพร้อมกับการเล่นฟุตบอลแบบจริงจังทันที เขาถูกฝึกสอนจากผู้เป็นพ่ออย่างเข้มงวดตั้งแต่8ขวบ ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอน พ่อเขาบังคับให้ ฝึกซ้อมทั้งช่วงเช้า บ่าย และเย็น หรือบางทีก็มีซ้อมแทงบอลพิเศษเพิ่มเติมอีกด้วย

ซน ฮึงมิน เคยให้สัมภาษณ์ว่า พ่อของเขาเคยมาเป็นโค้ชให้กับทีมโรงเรียนเขาตอนที่เขาอายุ 10 ขวบ สิ่งแรกที่พ่อเขาให้ทุกคนทำก็คือการเดาะบอลเป็นเวลา 40 นาที และหาก ซน เป็นคนทำบอลหล่น พ่อของเขาจะสั่งให้ทุกคนเริ่มเดาะบอลใหม่ตั้งแต่ต้น

“เพราะผมเป็นลูกชายของเขา ตอนนั้นมันเป็นเรื่องยากมาก ความกดดัน และความคาดหวังที่ผมได้รับ แต่พอย้อนกลับไป ผมว่ามันก็เป็นวิธีที่ดีอย่างหนึ่ง...” ซน ฮึงมิน กล่าว 

ซน อึงจอง กล่าวว่า เขานำประสบการณ์ของเขาเองมาประยุกต์ใช้  ที่สำคัญคือการฝึก ‘พื้นฐาน’ เป็นเวลานานๆหลายปี การเลี้ยงบอล และ ฝึกยิงประตู ด้วยเท้าทั้งสองข้างนับครั้งไม่ถ้วน รวมไปถึงการฝึกฝนร่างกายอย่างหนักเพื่อความแข็งแรง 

นอกจากนี้เขาจะไม่อนุญาตให้ลูกชายลงเล่นในลีกอย่างเป็นทางการ  จนกว่าจะอายุครบ 16 ปี หรือมีความสมบูรณ์มากพอแล้วนัน่เอง

“ผมสอนเขาทุกวัน  เอาแค่เรื่องพื้นฐานก็ร่วมๆหกชั่วโมงต่อวันแล้ว ผมไม่ต้องการให้เขามีจุดอ่อนเหมือนผมตอนที่เป็นนักฟุตบอล” ซน อึงจอง กล่าว

แม้ว่าจะดูโหดร้ายสำหรับเด็กคนหนึ่ง แต่หากมองในแง่นักกีฬามันคือการปลูกฝังรากฐานความเป็นมืออาชีพให้กับซน โดยผลลัพธ์ของการฝึกซ้อมปรากฏชัดเจนในสนามแข่งขันเสมอๆ เขาเลี้ยงตลุยผ่านคู่แข่งได้ทุกทิศทาง และสามารถยิงประตูด้วยได้ทั้งเท้าซ้ายและเท้าขวาได้อย่างเฉียบคม

-การเติบโต และฉายแววในฟุตบอลยุโรป

ซน ฮึงมิน เติบโตมากับอคาเดมีของ เอฟซี โซล ก่อนที่จะย้ายมาร่วมสโมสรเยาวชนทีมฮัมบวร์ก ตอนปี 2008 ขณะนั้นเขาอายุ 16 ปี ตามแผนที่พ่อเขาวางไว้

ซน ผู้พ่อ ลงทุนย้ายตามมา เขาเช่าที่พักอยู่ในบริเวณเดียวกับศูนย์ฝึกของสโมสรฮัมบวร์ก เพื่อคอยสังเกตการณ์ลูกชายตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น 

นอกจากนี้ ผู้เป็นพ่อยังมีความเชื่อในเรื่องอาหารการกิน โดยเขาเชื่อว่า ‘นมสดราดข้าวสวย’ คือสิ่งที่จะทำให้ลูกชายแข็งแกร่งและเติบโตได้อย่างมีคุณภาพ และการดื่มน้ำอัดลมนั้น แทบจะไม่มีเลยในชีวิตของ ซน นับตั้งแต่เด็ก

การใช้ชีวิตประจำวันก็เช่นกัน ครั้งหนึ่ง ซน ฮึงมิน ออกไปเที่ยวกับเพื่อนยามราตรี ในวันที่สโมสรอนุญาติเนื่องจากวันฉลองก่อตั้งสโมสรฮัมบรูก แต่พ่อของเขากลับโทรตาม และตำหนิที่เขาละเลยการพักผ่อน ทำให้ ซน ต้องยอมกลับบ้านทันที

หลังจากวันนั้น ซน ฮึงมิน ได้ย้ายมาร่วมทีมไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ในปี 2013 ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 10 ล้านยูโร ก่อนจะโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในการทำแฮตทริกตั้งแต่นัดแรกที่ลงสนามในแมตช์กระชับมิตรทันที และทำให้ชื่อของดาวเตะวัยรุ่นชาวเกาหลีใต้เริ่มเป็นที่พูดถึงในเวทีบุนเดสลีกามากขึ้น

-โบยบินสู่พรีเมียร์ลีก

หลังจากเวลาในเยอรมันเป็นเวลา 8 ปี ในวันที่ 28 สิงหาคม 2015สโมสรท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส ได้ประกาศคว้าตัวเขา ด้วยค่าตัว 30 ล้านยูโร ซึ่งนับเป็นสถิติค่าตัวสูงสุดของนักเตะเอเชียในการย้ายทีม ทำลายสถิติก่อนหน้าของยอดดาวเตะชาวญี่ปุ่น ฮิเดโทชิ นากาตะ ที่ย้ายจากโรมาไปร่วมทีมปาร์มา ด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร

แน่นอนว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการผลักดันการย้ายทีมครั้งนี้คือพ่อของเขา เนื่องจากมองว่าลูกชายของตนยังไม่ได้รับโอกาสมากพอ เขามองว่าลูกชายของเขาดีพอ และพร้อมแล้วที่จะรับบทบาทนักเตะตัวจริงของสโมสร

การมาอยู่ทีมใหญ่อย่างสเปอร์ส ทำให้เขาถูกจับตามองเสมอๆ เขามีช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่บ้างในช่วงฤดูกาลแรกๆ เขาเคยแจ้ง ปอเช็ตติโน ผู้จัดการทีมในขณะนั้นว่า ขอโอกาสในการลงเล่นมากขึ้น ไม่ก็ปล่อยเขาออกไปให้ทีมอื่น จนสุดท้ายเขาก็ได้รับโอกาสมากขึ้นเพื่อพิสูจน์ตัวเอง

และเขาก็คว้าโอกาสเอาไว้ได้ ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีในสนาม บวกกับการประสานงานร่วมกัน ระหว่างเขากับ แฮร์รี เคน (Harry Kane) ศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งของทีมชาติอังกฤษ เขาก็ได้เป็นนักเตะตัวหลักของทีมที่ผู้จัดการทีมคนใดก็ตามจะเลือกใช้งานเสมอ แม้สเปอร์สจะมีการเปลี่ยนผู้จัดการทีมหลายครั้งก็ตาม 

-ฟุตบอล ต้องมาก่อนเรื่องความรัก

เรื่องราวของพ่อผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของซน ฮึงมิน ย่อมเป็นที่สนใจของสื่อและแฟนบอลอย่างกล้างขวาง นอกจากการฝึกซ้อมที่เข้มงวด เรื่องของความรักก็อยู่ในสายตาผู้เป็นพ่อเช่นกัน 

ซน ฮึงมิน เคยมีข่าวคบหาดูใจกับคนดังมากมาย ทั้ง บัง มินอา (Bang Min-Ah) สมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ป Girl’s Day และยู โซยัง (Yoo So-Young) นักแสดงสาว อดีตสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ป After School แต่ท้ายที่สุดก็ต้องจบกันไป จนมีข่าวลือว่านั่นเป็นคำสั่งจากพ่อของเขา ว่าห้ามมีแฟนจนกว่าจะเลิกเตะฟุตบอล

แม้จะเป็นกฎที่หลายคนฟังแล้วรู้สึกโหดร้ายแต่ ซน ฮึงมิน กลับรู้สึกว่า เขาเห็นด้วยกับพ่อของเขา 

“เมื่อคุณแต่งงาน สิ่งที่ต้องมาเป็นอันดับแรกก็คือครอบครัว ภรรยา และลูก แล้วถึงจะเป็นเรื่องฟุตบอล ผมแค่ต้องการมั่นใจว่า ในขณะที่ผมกำลังลงเล่นฟุตบอลในระดับสูงสุด ฟุตบอลจะเป็นสิ่งเดียวที่ผมให้มาเป็นที่หนึ่ง”

“คุณไม่รู้หรอกว่าจะสามารถเล่นในระดับสูงสุดได้นานแค่ไหน แต่เมื่อคุณแขวนสตั๊ดแล้ว หรือตอนที่อายุ 33 หรือ 34 คุณจะคิดเรื่องการสร้างชีวิตที่มั่นคงกับครอบครัวก็ยังไม่สาย” ซน ฮึงมิน กล่าว 

“จริงๆ ผมสามารถจะทำสิ่งต่างๆ นอกสนามได้ เช่น การดื่ม หรือ เที่ยว แม้แต่การนัดเดท แต่ประเด็นคือผมไม่ใช่คนที่ชอบทำสิ่งเหล่านั้น” 

-‘มากเกินไป’ หรือ ‘ปกติ’ แค่มุมมองของแต่ละบุคคล

มันชัดเจนที่ ซน ฮึงมิน ถือว่าก้าวขึ้นเป็นนักเตะในระดับท็อปคลาสของโลกไปแล้ว  และก็คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า เบื้องหลังความสำเร็จนี้ มาจากผู้เป็นพ่อของเขาทั้งสิ้น 

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ คำถามเกี่ยวกับความเฮี้ยบของซน อึงจอง ที่ปฏิบัติต่อซน ฮึงมิน ตั้งแต่ยังเด็ก 

‘เข้มงวดเกินไป ปกป้องมากเกินไป ควบคุมมากเกินไป’ เหล่านี้คือสิ่งที่หลายคนมักรู้สึก เมื่อได้ยินเรื่องราวของ ซน ฮึงมิน กับพ่อของเขา 

การบังคับให้เล่นกีฬาอย่างจริงจัง แทนที่จะได้เล่นสนุกตามใจชอบ หรืออิสระเสรีในการเลือกใช้ชีวิต แต่กลับต้องอยู่ในกฎระเบียบอันแสนเคร่งครัด เพื่อเดินตามเป้าหมายของผู้เป็นพ่อ ซึ่งบางทีก็ไม่ใช่สิ่งที่ลูกชายหลายๆคนพึงปรารถนา

ใครจะตัดสินได้ว่าสิ่งเหล่านี้ ผิดหรือถูก แต่ในเมื่อผลลัพธ์ของความสำเร็จปรากฎให้เห็น ซน มีทุกอย่างทั้ง ชื่อเสียง เกียรติยศ อำนาจ เงินทอง เขามีชีวิตที่สมบูรณ์และมั่นคง ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเขามีวันนี้เพราะพ่อของเขาอย่างแท้จริง

“คนยุโรปมักมีมุมมองที่ต่างกับคนเอเชีย เขาคิดว่า ‘ทำไมพวกเราถึงยังอาศัยอยู่กับครอบครัว’ แต่ใครกันล่ะที่ช่วยให้ผมเล่นฟุตบอล? ก็ครอบครัวของผมทั้งนั้น เขา(พ่อ)ยอมอุทิศชีวิต เพื่อช่วยผมในการเล่นฟุตบอล และผมต้องตอบแทนให้พวกเขา” 

“สำหรับผม เขา (ซน อึงจอง) เป็นทั้งพ่อและเป็นทั้งโค้ช เขาสอนผมทุกอย่างไม่ว่าเรื่องในสนามหรือนอกสนาม เขาผ่านอะไรหลายอย่างมาก่อนที่ผมจะเป็นนักฟุตบอลเสียอีก และประสบการณ์เหล่านั้นของพ่อก็ช่วยผมให้เป็นอย่างทุกวันนี้...” 

ความเข้มงวดของพ่อที่ปฏิบัติต่อซน ฮึงมิน ก็เรื่องหนึ่ง แต่น่าคิดเหมือนกันว่า หากไม่ใช่การถูกบังคับฝึกซ้อมแบบเลือดตาแทบกระเด็นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และอยู่ในวินัยแบบเคร่งครัดราวกับทหาร ในวันนี้ แวดวงฟุตบอลเอเชียและระดับโลกจะมีชื่อของ ซน ฮึงมิน อยู่หรือไม่...

ติดต่อโฆษณา : TG.Thaigunners@gmail.com PHONE : 096 443 2589

THE HONOUR

FACEBOOK : GUNNERTALK

EMAIL : TG.Thaigunners@gmail.com

TEL : +6696-293-9839