พรีเมียร์ลีกอังกฤษในฤดูกาล2022-2023 ลีกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก ได้ผ่านไปแล้ว 6 เกม ทีมไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ภายใต้การนำของ มิเกล อาร์เตต้า เปิดฤดูกาลได้อย่างน่าชื่นชม เมื่อพวกเขายังคงรั้งตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกได้อย่างสวยงาม แม้ว่าหนึ่งเกมที่พวกเขาแพ้ให้แก่ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แต่ก็เป็นการแพ้ที่น่าชื่นชม

จากการออกสตาร์ทซีซั่นใหม่ได้อย่างร้อนแรงเช่นนี้ ทำให้มีการพูดถึงกันอย่างเป็นวงกว้างจากผู้วิเคราะห์ฟุตบอลว่า บอสชาวสเปนรายนี้ กำลังเดินมาถูกทางแล้ว ในการพาทีมยักษ์หลับอย่างอาร์เซน่อลกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ท่ามกลางการแข่งขันอันเข้มข้นในยุคสมัยนี้

หรือแม้แต่ อาร์เซน เวนเกอร์ อดีตตำนานผู้จัดการทีมอาร์เซน่อลเอง ยังยกย่อง อาร์เตต้า ว่า มีแนวทางของตัวเองและคือคนที่เหมาะสมกับการชุบชีวิตอาร์เซน่อลให้กลับมาผงาดในเกาะอังกฤษอีกครั้งหนึ่ง

จากการวิเคราะห์จากสล็อตเว็บตรงผู้เชี่ยวชาญในอังกฤษ ได้แบ่งออกเป็น 5 ประเด็น ที่พลพรรคปืนใหญ่กำลังจะกลับคืนสู่ยุคทองอีกครั้ง

-แนวทางของผู้จัดการทีม ที่ลงตัวกับอาร์เซน่อล

หลังจากที่สโมสรประกาศแต่งตั้ง มิเกล อาร์เตต้า เข้ารับงานคุมทีม อาร์เตต้า จัดการวางแนวทางการเล่นให่ทั้งหมด ที่มีความชัดเจนในเรื่องของแทคติก ไม่ว่าทั้งเกมรุก และรับมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว บวกกับความเด็ดขาดในการจัดการเรื่องภายในทีม ที่เราเห็นมาตลอดว่าเขาสามารถรับกับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การปลด โอบาเมยอง ออกจากการเป็นกัปตัน การอดทนไม่ยอมเรียก วิลเลี่ยม ซาลิบา กลับมาใช้งานเมื่อเห็นว่ายังไม่พร้อม รวมถึงการปล่อยนักเตะที่ไม่อยู่ในแผน ทั้งที่ค่าตัวมหาศาล อย่าง นิโคล่า เปเป้ ออกไป

และสิ่งที่สำคัญคือ เขาทำให้ทีมอาร์เซน่อลกลับมามีทีมสปิริตที่แข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง ด้วยการให้โอกาส ความไว้วางใจ เชื่อใจในตัวแข้งดาวรุ่งหลายๆคน จนกลายมาเป็นกำลังหลักให้ทีม ภายในระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา 

-การวางแผนระยะยาวของทีมงาน

เมื่อ อาร์เตต้า มีทีมสนับสนุนที่ดี เข้าใจกัน ย่อมทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบลื่น  การมาของอดีตนักเตะเก่าของทีมอย่าง "เอดู"เอดูอาร์โด้ เซซาร์ เดเด้ กาสปาร์ ในตำแหน่งประธานเทคนิคคนแรกของสโมสร นั้นมีส่วนสำคัญอย่างมากในการเจรจาซื้อขายนักเตะ นำผู้เล่นที่ตอบโจทย์กับการทำงานของผู้จัดการทีมได้ 

เอดู มีคอนเน็คชั่นมากมาย กับนักเตะในแถบอเมริกาใต้และสเปน รวมไปถึงโปรตุเกส ทำให้การเจรจาซื้อนักทำได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งเราปฎิเสธไม่ได้เลยว่า บรรดาแข้งในโซนนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นนักเตะที่มีสกิล ชั้นเชิง และทักษะเฉพาะตัวที่หาได้ยากในฝั่งเกรทบริเทน

ทำให้เราจะได้เห็นว่าช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา บรรดานักเตะหลายๆคนที่ เอดู นำเข้ามา จะเป็นนักเตะเชิงเท็คนิค และมีไหวพริบที่ยอดเยี่ยม ที่สำคัญคือช่วงอายุที่ยังน้อย หรือกำลังเข้าสู่ช่วงที่ดีที่สุดในการเล่นฟุตบอล  เพื่อตอบโจทย์ให้ทีมของ อาร์เตต้า ในแง่ของแผนการรักษาทีมชุดนี้เอาไว้ให้ยาวนาน  และเน้นไปที่ทักษะการเล่นบอลที่สูง มากกว่าการใช้ร่างการเข้าปะทะนั่นเอง

จึงนับว่านี่เป็นการประสานงานนอกสนามที่สำคัญ ไม่แพ้เรื่องของการแข่งขันในสนามเลยก็ว่าได้

-ขุมกำลังที่ย่างเข้าสู่ช่วงรุ่งโรจน์

ผู้เล่นชุดปัจจุบันของอาร์เตต้า ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังหนุ่มในสังกัดอะคาเดมี่ที่ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ เพื่อเป็นแกนหลักของทีมมากมาย ทั้ง บูกาโย ซาก้า,กาเบียล มาร์ตินเนลี่, เอมิล สมิธ โลว์ ,เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียร์ ผสมผสานกับผู้เล่นที่มีทั้งหน้าเก่าและใหม่ ไม่ว่าจะเป็นผู้มาใหม่อย่าง กาเบียล เฆซุส , อเล็กซานเดอร์ ซินเซนโก้ และการกลับมาของ วิลเลียม ซาลีบา ที่ปล่อยให้โอลิมปิกมาร์กเซยยืมตัวไปใช้งาน กลับสู่ทีมพร้อมขยายสัญญาออก 

ซึ่งนักเตะเหล่านี้ ช่วงอายุของพวกเขาล้วนแต่กำลังเข้าสู่ช่วงที่ดีที่สุดของการค้าแข้ง ไม่ว่าความมั่นใจ ความกระหาย และความมุ่งมั่น อีกทั้งมีตัวที่มีประสบการณ์คอยประคับประคองนักเตะรุ่นน้อง ทั้ง โธมัส ปาร์เตย์ กาเบียล เฆซุส และ กรานิต ชาก้า ทำให้ขุมกำลังของพลพรรคปืนใหญ่มีความลงตัวและกลมกล่อมมากยิ่งขึ้นในฤดูกาลนี้

และจากการเล่นที่ผ่านมา ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขามีความมุ่งมั่นมากขนาดไหน ดังนั้นทีมชุดนี้จึงเป็นที่น่าจับตามองและไม่สามารถมองข้ามจากบรรดาทีมลุ้นแชมป์ด้วยกันได้อีกต่อไป

-การเซ็นสัญญาที่ตรงจุด

ความเด็ดขาดของ มิเกล อาร์เตต้า คือการกล้าตัดสินใจ เขาเปลี่ยนผู้รักษาประตูมือหนึ่งเป็น อาร่อน แรมส์เดลล์ แลัวปล่อย แบรนด์ เลโน่ ออกไป เขาเลือกที่จะไม่ใช้ นิโคล่า เปเป้  อเล็กซง ลากาแซตต์  และปลด ปิแอร์เอเมอริค โอบาเมย็อง ออกจากทีมเพราะไม่อยู่ในแผนระยะยาว

นี่คือการประกาศว่า เขาไม่สนใจชื่อเสียงและค่าตัวของนักเตะแม้แต่นิด หากเขาไม่ต้องการที่จะใช้งาน เขาจะตัดนักเตะที่ไม่เข้าแท็คติคออกจากแนวทางการทำทีมของเขาทันที

การมาของ กาเบียล เฆซุส รวมถึง อเล็กซานเดอร์ ซินเซนโก้ คือคำตอบที่แสดงว่าเขามองเห็นปัญหาที่แท้จริง อาร์เซน่อลนั้นขาดกองหน้าสไตล์เบอร์9มาอย่างยาวนาน และ เฆซุส ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า อาร์เตต้า เลือกถูกคน

ขณะที่แบ็คทางฝั่งซ้ายอย่าง ซินเซนโก้ ก็แก้ปัญหาการบาดเจ็บของ คีแรน เทียร์นี่ย์ ได้อย่างเหมาะสม และคุ้มค่า

ทำให้ผลงาน 6 เกมในพรีเมียร์ลีกที่ผ่านมาดูดีและมีแนวทางที่ชัดเจนลงตัว นับเป็นการปลดล็อคปัญหาที่รอการแก้ไขมาได้ตรงจุดเสียที

-บทพิสูจน์ตัวเองของ อาร์เตต้า กับทีมหัวแถว

ที่ผ่านมา อาร์เซน่อล มักจะมีปัญหาในการเจอกับทีมใหญ่ๆด้วยกัน นับตั้งแต่ยุคของ เวนเกอร์ หรือ อูไน เอเมรี่ ก็ตาม ในช่วงแรก อาร์เตต้า ก็พบปัญหานี้เช่นกัน ปืนใหญ่มักจะแพ้ง่ายๆ กับทีมที่เล่นเกมรุกเฉียบคม หรือเล่นเกมรับแล้วโต้กลับแบบฉับพลัน เราจึงมักจะเห็นพวกเขามักจะพลาดในจังหวะง่ายๆ แม้ว่าตัวเองจะเล่นได้ดีก็ตาม

อาร์เตต้า แก้ไขปัญหาในแนวรับเป็นอันดับแรก ด้วยการเสริมนักเตะที่มีความคล่องตัว รวดเร็ว แต่มีความแข็งแรงด้วย ไม่ว่าจะเป็น กาเบรียล ,ซาลิบา ,ไวท์ รวมไปถึงเกมรับริมเส้นที่มีความเร็ว อย่าง ซินเซนโก้ และมีตัวสกรีนบอลอย่าง ปาร์เตย์ คอยตัดเกมด้วยอีกแรง

ในขณะที่เกมบุก อาร์เตต้า ใช้นักเตะเพลย์เมคเกอร์ อย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด กำกับเกมรุก และให้มีอิสระในการสร้างสรรค์เกมเต็ม ขนาบกับตัวริมเส้นอย่าง บูกาโย่ ซาก้า และ มาร์ติเนลลี่ ที่ผลงานโดดเด่นมาก แข้งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่เคยกลัวใคร แม้ว่าจะเป็นทีมระดับไหน พลังหนุ่มที่เล่นแบบกล้าเล่น กล้าชน สร้างความไว้ใจให้กับ อาร์เตต้า และเขาเองก็เชื่อมั่นในตัวลูกทีมเช่นกัน 

รวมไปถึงแท็คติค ที่ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ของ อาร์เตต้า ที่บางช่วงลงมารับลึกบ้าง เติมขึ้นสูงทำเกมรุกบ้าง เลือกปิดเกมในช่วงที่เหมาะสม เหล่านี้ล้วนมาจากประสบการณ์ของ อาร์เตต้า เอง ในช่วงระยะเกือบสามปีที่ผ่าน นั่นแปลว่า เขาจะมองหาสิ่งที่ดีที่สุดทีมในเวลานั้นเสมอๆนั่นเอง

ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ในเกมอุ่นเครื่องกับ เชลซี หรือเกมที่เจอ แมนยูไนเต็ด พวกเขาทำได้ดีมาก เล่นแบบมั่นใจ และไม่ถอดใจ เล่นละเอียดมากขึ้น แม้ว่าจะยังมีความผิดพลาดบ้าง แต่พวกเขายังมีความมุ่งมั่นตลอด90นาที นั่นเป็นสิ่งที่เราไม่ได้เห็นมานานมากนับตั้งแต่อาร์เซน่อลในยุค2004