สมาคมฟุตบอลอังกฤษ ได้ข้อสรุปเบื้องต้นแล้วว่า จะงดเตะไปจนถึงวันที่ 30 เมษายน จากเดิมที่กำหนดไว้แค่ 3 เมษายน ส่วนมาตรการอื่นๆ จะยังมีการหารือกันต่อไปตามสถานการณ์

โดยข้อสรุปนี้ เกิดขึ้นหลังจาก สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ยอมเลื่อน ยูโร 2020 ไปปีหน้า ทำให้มีเวลาสะสางการแข่งขันในประเทศ หลังต้องหยุดเตะเพราะเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ยูฟ่าได้ทำข้อตกลงกับลีกต่างๆ ในยุโรปว่า ต้องเตะให้จบก่อนวันที่ 30 มิถุนายน

ทำไมต้อง30มิถุนายน?

ข้อแรก – เป็นวันที่สิ้นสุดของสัญญาของนักฟุตบอล ที่ต้องเซ็นจนถึงหลังจบการแข่งขันฤดูกาลนั้นๆ ซึ่งการย้ายทีมในตลาดซัมเมอร์ จะเริ่มต้นในวันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป แต่หากการแข่งขันในลีกดันล่าช้านานกว่าเดือนมิถุนายน นั่นจะกระทบกับเรื่องสัญญานักเตะบางคนที่หมดลงในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ และอาจต้องถึงมือ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) และ สหพันธ์นักเตะอาชีพนานาชาติ (ฟิฟโปร)ต่อไป

ข้อสอง – สัญญาชุดแข่งและสปอนเซอร์ของบางสโมสรที่จะเปลี่ยนเจ้าในซีซั่นใหม่ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งพูดง่ายๆ ว่า สัญญาชุดแข่งควรเป็นเจ้าเดิมตลอดซีซั่น แต่อะไรจะเกิดขึ้น ถ้ามีแคมเปญโปรโมทชุดใหม่ของซีซั่นเดิม ในช่วงเวลาเดียวกับที่นักเตะยังคงใส่ชุดของผู้สนับสนุนรายเก่าไปด้วย โดยในวงการโฆษณา การทุ่มเงินจำนวนมากทำสัญญาเพื่อสร้างมูลค่าของแต่ละแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญมาก การโปรโมททับซ้อนกันอาจทำให้เกิดปัญหาตามมา รวมไปถึงวงการบ่อนพนันถูกกฎหมายหลายรายในยุโรป และบรรดาคาสิโนออนไลน์ได้เงินจริงต่างก็รับผลกระทบเช่นกัน จึงต้องมีการปรับกฎกติกา และเงื่อนไขกันใหม่ตามสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้

ข้อสาม – วันที่ 30 มิถุนายน ถูกมองว่า เป็นวันสิ้นสุดของฤดูกาลของฟุตบอลลีกในยุโรป เพื่อที่ในเดือนกรกฎาคม จะเป็นช่วงเวลาสำหรับพักเบรกเล็กๆ ก่อนที่สโมสรจะวางโปรแกรมปรีซีซั่น กระทั่งเริ่มฟาดแข้งฤดูกาลใหม่ในเดือนสิงหาคมต่อไป ซึ่งพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้าจะเริ่มตะบันแข้ง 8 ส.ค. ในขณะที่ยูฟ่ามองว่า หากลีกต่างๆ แข่งจบในสิ้นเดือนมิถุนายน ก็จะทำให้พวกเขายัดโปรแกรมรอบคัดเลือกของฟุตบอลถ้วยในยุโรปซีซั่นหน้าได้ ก่อนที่รอบแบ่งกลุ่มจะเริ่มต้นขึ้นในเดือนกันยายน

โปรแกรมที่อัดแน่น

พรีเมียร์ลีคเหลือโปรแกรมให้เตะอีก 8-9 นัด ส่วนบอลถ้วยอย่าง เอฟเอคัพ ก็เดินทางมาถึงรอบแปดทีมสุดท้าย  โดยที่ก่อนหน้านี้ คาราบาวคัพ ก็เพิ่งจะจบลงไป ด้วยการที่ แมนเชสเตอร์ซิตี้ คว้าแชมป์เป็นปีที่สองติดต่อกัน

ขณะที่ รายการแชมป์เปี้ยนลีค และยูโรป้าลีค ยังติดค้างอยู่ที่รอบ 16ทีมสุดท้าย แต่มีข่าวออกมาว่าจะมีการขยับเกมรอบชิงเข้ามาที่ 27 มิถุนายน และ 24 มิถุนายน ตามลำดับ

นั่นหมายความว่า แมนฯ ซิตี้ คือทีมในพรีเมียร์ลีกที่มีโอกาสเตะมากที่สุด 19 แมตช์ใน 2 เดือน รองลงมาคือ เชลซี กับ แมนยูไนเต็ด ที่ 18 แมตช์ แต่อาจจะน้อยลงไป หากมีการปรับกฎเป็นเกมเตะนัดเดียวรู้ผล(น๊อคเอาท์) ตั้งแต่รอบ 8 ทีมขึ้นไป

พรีเมียร์ลีกคงคำนวณการวางโปรแกรมเตะที่เหลือมาแล้ว จึงกำหนดหวนเตะในเดือนพฤษภาคม แม้อาจทำให้บางทีมเจองานหนัก มีเตะกลางสัปดาห์ หรือบู๊ 2 นัดแบบห่างกันเพียงไม่กี่วัน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะ ลิเวอร์พูล  พิสูน์ให้เห็นมาแล้วว่าทำได้ หลังปลายปีที่ผ่านมา หวดไปราว 16 นัดใน 60 วัน

เดือน พ.ค. จะแข่งได้ไหม?

 อ้างแหล่งข่าวในพรีเมียร์ลีก ยืนยันว่าลีกผู้ดีต้องการหวนฟาดแข้งในเดือนพฤษภาคมให้ได้ แม้โควิด-19 อาจยังไม่คลี่คลาย 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งพวกเขาอาจต้องยอมเตะแบบปิดสนามห้ามแฟนๆ เข้าชมไปก่อน โดยมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไปประจำการเฝ้าระวังไวรัส และอาจจำเป็นต้องมีตำรวจไปคอยรับมือแฟนบอลด้วย เพราะแม้เข้าไปดูไม่ได้ แต่อาจตามไปเชียร์บริเวณรอบๆ และเกิดการกระทบกระทั่งกัน

บีบีซีอ้างแหล่งข่าววงในที่ระบุว่า หากเกิดเหตุการณ์ที่กุนซือกับนักเตะติดเชื้อไวรัสอีกครั้ง อาจมีมาตรการแค่ยกเลิกบางแมตช์ หรือให้สโมสรนั้นๆ แข่งขันต่อ โดยใช้นักเตะและบุคลากรที่ไม่ป่วยช่วยกันทำงานต่อไปด้วยซ้ำ

ด้านมุมมองของนักเตะ บีบีซี สืบเสาะมาอีกว่า สมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ (พีเอฟเอ) ยังอยากให้ซีซั่นนี้แข่งต่อจนจบ แต่ก็ยังห่วงเรื่องสุขภาพมากกว่าอยู่ดี ดังนั้นนักเตะก็ไม่ได้ลงเล่นแบบสบายใจเท่าไหร่ แม้ว่าโอกาสติดเชื้อจะน้อยแค่ไหนก็ตาม

ซีซั่นนี้อาจไม่จบง่ายๆ

ก่อนหน้านี้ คาร์เรน เบรดี้ รองประธานทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด  โดนแฟนบอลถล่มเละ หลังออกมาระบุว่าอยากให้พรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้เป็นโมฆะ หากโควิด-19 ยังระบาด โดยหลายคนมองว่านั่นเป็นความเห็นแก่ตัว เพราะทีมของเธอยังมีโอกาสตกชั้นหากแข่งต่อ เพราะตอนนี้อยู่อันดับ 16 มีเพียงประตูได้เสียมาพยุงให้ยังรอดจากโซนสีแดง

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวของบีบีซี ระบุว่า แม้หลายๆ สโมสรจะกลับมาฝึกซ้อมและฟาดแข้งในเดือนพฤษภาคม ก็เป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะจบซีซั่นในสิ้นเดือนมิถุนายน และสถานการณ์ไวรัสอาจก่อให้เกิดเหตุฉุกเฉินอีกก็เป็นได้

แม้จะได้กลับมาเตะกันต่อ แต่ก็ไม่แน่ว่าจะได้ฟาดแข้งจนจบฤดูกาล หากโควิด-19 ลุกลามหนักกว่าที่คาดไว้ โอกาสโมฆะยังไม่หมดไปเสียทีเดียว แฟนบอลลิเวอร์พูลคงต้องลุ้นระทึกไปจนกว่าทีมรักจะได้ชูถ้วย แต่เพราะรอคอยมา 30 ปี อุปสรรคก็ต้องทดสอบกันหนักหน่อย