หลังจากอึมครึมกันอยู่นานสุดท้ายก็ได้เวลาชัดเจนเสียทีสำหรับอนาคตของบอสใหญ่ในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม บอร์ดปืนตัดสินใจถูกหรือผิด? นี่คือความเห็นของเรา
หลังจาก 1 สัปดาห์แห่งความชื่นมื่นเล็กๆ ของอาร์เซนอลและแฟนคลับทั่วโลก กับความสำเร็จครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ปีของทัวร์นาเมนต์เอฟเอ คัพ ที่เพิ่งส่งให้อาร์แซน เวนเกอร์กลายเป็นกุนซือที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในรายการฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกใบนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้บอร์ดบริหารของปืนใหญ่ ตัดสินใจต่อสัญญากับกุนซือรายนี้ออกไปเป็นเวลา 2 ปี (ตามที่มีการคาดการณ์กันก่อนหน้านี้)
แม้จะพลิกล็อคไปสักนิด กับบรรยากาศเมื่อช่วงสักเดือน-สองเดือนก่อนหน้านี้ ที่ดูท่าทางความกดดันจากผลงานอันย่ำแย่จะถาโถมให้หวยจะออกไปในทาง “ยุติบทบาทการเป็นผู้จัดการทีม” เสียมากกว่า แต่แฟนคลับชาว “WENGER OUT” ก็ได้แต่ทำหน้าตึงเหมือนดึงเหนียงทันทีที่สโมสรและเวนเกอร์ยังจูบปากกันต่อไป
ผมเชื่อว่าการที่มีสัญญา 2 ปีวางอยู่บนโต๊ะรอท่าตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปี คือสัญญาณของฝ่ายเบื้องบน ที่ยังไม่ได้มองถึงการเปลี่ยนแปลงในสโมสรหลังจากที่เวนเกอร์ไม่อยู่ ไม่ได้สนใจความเป็นไปของกระแสแฟนบอลที่ชูป้ายไล่, ขับเครื่องบินติดแบนเนอร์, กระแสคลิปในโลกโซเชียลหรือแม้แต่การรวมตัวประท้วงหน้าสนาม สิ่งเหล่านี้แทบไม่อยู่ในวาระการประชุมของทีมงานบริหารแม้แต่น้อย พวกเขาสนใจเพียงว่า ณ ตอนนี้อาร์เซนอล คือเวนเกอร์ และความสำเร็จในถ้วยเอฟเอ คัพก็น่าจะเจือจางทุกอย่างให้เบาบางลงได้ ว่าแล้วก็ต่อสัญญาออกไปแบบเนียนๆ
แม้หลังจากที่เวนเกอร์เลือก “เปลี่ยนจุดยืน” มาเล่นระบบ 3-4-3 ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาลและสร้างผลงานได้ดีแบบหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ถึงตรงนี้ผมยังไม่แน่ใจว่า 2 ปีหลังจากนี้อาร์เซนอลจะมีความสำเร็จอะไรบ้าง หากยังไม่เปลี่ยนจุดยืนในการนำเข้านักเตะและซื้อความสำเร็จทางลัดแบบที่คู่แข่งหลายทีมกำลังทำ ในยุคสมัยปัจจุบัน
บนการแข่งขันระดับท็อปของเวทียุโรปที่ผู้ชนะเท่านั้นที่จะได้ครอบครองความสำเร็จสูงสุด แต่อาร์เซนอลเพิ่งต้องลงมาเล่นในรายการยูโรป้าลีกและหวังตามรอยการเป็นแชมป์แบบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้เท่านั้นในซีซั่นหน้าคือเป้าหมายสูงสุดในรายการนี้ ก็หมดไปแล้ว 1 ซีซั่น
ขณะที่บอร์ดบริหารของอาร์เซนอลยังเชื่อมั่นในศักยภาพและขีดจำกัดของเวนเกอร์ แฟนบอลกลับต้องการเห็น “การเปลี่ยนแปลง” เพื่อสร้างความสำเร็จ มันดูย้อนแย้งแต่ก็ต้องยอมรับ เพราะถ้าคุณไม่ได้เป็นซีอีโอ ก็ก้มหน้าก้มตาเชียร์กันต่อไป
“อาร์แซนคือคนที่ผมทำงานร่วมด้วยมากว่า 8 ปี ซึ่งนั่นแปลว่าผมรู้จักศักยภาพของเขาดีเป็นอย่างยิ่ง” อีวาน กาซิดิส ประธานบริหารกระบอกปืนใหญ่กล่าวหลังจากอาร์เซนอลต่อสัญญากับเวนเกอร์ “ไม่ใช่แค่เรื่องฟุตบอล แต่การเป็นคนคุณภาพ, แน่นอนว่าในปัจจุบันมีโค้ชที่ยอดเยี่ยมมากมายเกิดขึ้นบนโลกลูกหนัง แต่อาร์แซนคือคนที่มี DNA เดียวกันกับสโมสรอย่างไม่ต้องสงสัย เขาพาพวกเราเดินหน้า เขามีความจงรักภักดี และในวันนี้ คุณไม่สามารถหาใครที่จะดีพอจะแทนที่เขาได้แล้ว” เขาสรุป
เช่นเดียวกันกับสแตน โครเอนเก้ หุ้นส่วนใหญ่ของอาร์เซนอลที่ทำการระเบิดแผล่บทันทีที่ภารกิจต่อสัญญาเวนเกอร์สำเร็จลุล่วง
"ภารกิจหลักของเราต่อจากนี้คือการเป็นแชมป์ลีกสูงสุดและเมเจอร์สำคัญของยุโรปให้ได้” มหาเศรษฐีวัย 69 ปีของอาร์เซนอลกล่าว “เรารู้ดีถึงความต้องการของแฟนบอล และเราจะยังไม่หยุดพักจนกว่าจะประสบความสำเร็จ ซึ่ง ณ ตอนนี้ผมเชื่อว่าเวนเกอร์คือคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเรา"
ขณะที่อลิเชอร์ อุสมานอฟ หุ้นส่วนฝั่งตรงข้ามของโครเอนเก้ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าต้องการเทคโอเวอร์มาขอบริหารเองแบบเบ็ดเสร็จ แม้จะมองบนหน่อยๆ แต่ก็พลอยแสดงความยินดีด้วยในท้ายที่สุด
“ผมยินดีที่เราได้ทำการต่อสัญญากับเวนเกอร์สำเร็จ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือโค้ชที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งของยุโรป และช่วงเวลาต่อจากนี้คือการเดินหน้าหาสร้างความสำเร็จ” หุ้นส่วนชาวอุซเบคกล่าว “อย่างไรก็ตาม เราพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งในและนอกสนามกับเวนเกอร์ เพื่อต่อยอดถ้วยรางวัลให้ได้มาสู่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม”
แม้จะคิดเห็นไม่ตรงกันในแง่การบริหาร แต่กับมิสเตอร์เวนเกอร์ เขายังเป็นคำตอบของบอร์ดอาร์เซนอลอยู่ดี ดังนั้น ความเปลี่ยนแปลงที่ชาว “WENGER OUT” ภาวนาให้เกิดขึ้นก็มีอันต้องจบไป แยกย้ายเข้าบ้านนอน...
จบเรื่องเวนเกอร์ ต่อไปก็เป็นเรื่องทีม
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการพึ่งพา 2 สตาร์ดังอย่างอเล็กซิส ซานเชซ และเมซุต โอซิล คือสิ่งที่กลายเป็นซิกเนเจอร์ของอาร์เซนอลไปในช่วง 1-2 ฤดูกาลล่าสุด และด้วยพละกำลังในการแบกทีมของดาวเด่นทั้งสองราย เมื่อมองดูสัญญาที่ยังเหลืออยู่ นี่คือภารกิจรองจากการเซ็นสัญญามิสเตอร์เวนเกอร์
พวกเขาต้องรั้งซูเปอร์สตาร์ให้อยู่กับทีมต่อให้ได้ หากยังอยากได้ความสำเร็จตามที่พูดหลังต่อสัญญาผู้จัดการทีม
ผมไม่คิดว่าจะมีใครคนใดคนหนึ่งอยู่ ถ้ามีคนหนึ่งไป ผมไม่คิดว่าซานเชซจะยังอยู่ล่าความสำเร็จต่อไป หากโอซิลไม่ต่อสัญญา ด้วยความสัตย์จริง ผมเชื่อว่าดาวเตะบ้าพลังชาวชิลีน่าจะโบกมือลา แต่อาร์เซนอลยังเป็นเจ้าของอยู่ และพวกเขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะรั้งทั้งคู่ล่าความสำเร็จ (ในถ้วยยูโรป้าลีก) ให้ได้ในฤดูกาลหน้า
ต้องยอมรับว่าเจ้าของ 24 ประตูในพรีเมียร์ลีกคือนักเตะที่แบกทีมอย่างแท้จริง ถึงขนาดแฟนบอลอังกฤษพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากเขาต้องการเงิน ต้องให้เงิน หากเขาต้องการรถ ต้องมีรถให้ หากเขาต้องการพระราชวังบัคกิ้งแฮม ควีนส์อลิซาเบธต้องมูฟ!
แต่ถ้าอาร์เซนอลไม่สามารถรั้งใจของทั้งคู่ไว้ได้ พวกเขาต้องรีบทำ รีบขาย รีบดำเนินการ และต้องรีบหาตัวแทนในเลเวลเท่ากันมาเสริมทีมให้ได้ภายในตลาดซื้อขายงวดนี้
โดยภาพรวม นักเตะที่น่าจะอำลาถิ่นเอมิเรตส์ในตลาดหน้านี้คงจะหนีไม่พ้น ซาโนโก, เดอบูชี, เจนกินสัน, ออสปินา, กิ๊บส์ และ(อาจจะ) อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด แชมเบอเลน กับ ลูคัส เปเรซ (อันเป็นที่น่าเสียดาย)
(ประธานบริหารอย่างกาซิดิสและบทสัมภาษณ์แรกหลังต่อสัญญามิสเตอร์เวนเกอร์)
“ผมมีทีมที่ใหญ่มาก ดังนั้นแม้ว่าเราจะต้องเสียผู้เล่นบางคนไป เราก็ต้องการเก็บทีมชุดนี้เราและพัฒนาจากตรงนั้นต่อไป” เวนเกอร์กล่าวเป็นนัย “เราทำงานหนักในการหาผู้เล่นในระดับท๊อปเท่านั้น เราเชื่อว่าทีมของเราเป็นทีมที่แข็งแกร่งมากทีมหนึ่ง และเราต้องมองหาผู้เล่นในระดับท๊อปที่สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมได้ทันที เราต้องการผู้เล่นที่มาสร้างความต่างให้กับทีมได้จริง”
สิ่งที่บอร์ดบริหารพึงกระทำหลังจากนี้คือพวกเขาควรจะมองหาความสำเร็จสูงสุดที่ควรจะได้ภายใต้อีก 2 ปีต่อจากนี้ ใต้การกุมบังเหียนของเวนเกอร์ อย่างไรก็ดี เสียงสะท้อนจากแฟนบอลเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามเช่นเดียวกัน เพราะมันคือกระจกเงาแห่งความจริง ไม่ใช่แค่นโยบายระยะยาวที่จับต้องได้ยาก อาร์เซนอลจึงจำเป็นต้องเริ่มต้นอย่างหนักแน่นเหมือนสโมสรอื่นๆ โชว์ศักยภาพให้เห็นโดยเริ่มจากตลาดซื้อขายงวดนี้เลย
สุดท้ายแล้ว...แม้ภายนอกของเหล่ากูนเนอร์ส “WENGER OUT” จะชิงชัง และเบื่อหน่ายการคุมทีมของบอสรายนี้มากเพียงใด แต่ทันทีที่มีการแถลงต่อสัญญาอย่างเป็นทางการ ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความยินดีเล็กๆ ว่าอย่างน้อยอาร์เซนอลก็ยังมีกุนซือที่เข้าใจธรรมชาติของทีมมากที่สุดอยู่ดูแลสโมสรไปอีก 2 ปี
(สมัยที่ 13 ของสโมสร สมัยที่ 7 ของเวนเกอร์ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ความสำเร็จที่มากพอสำหรับแฟนบอล)
ถึงแอนตี้แค่ไหน สุดท้ายสายใยก็ยังตัดไม่ขาด และยังเอาใจช่วยกันอยู่ลึกๆ เสมอ
คือในใจมันก็จะเวนเกอร์ๆ หน่อย
คราวหน้าก็เดินหน้าตามล่าความสำเร็จไปด้วยกัน เพราะอีก 2 ปีข้างหน้านี้ ก็อาจจะเป็น 2 ปีสุดท้ายของเวนเกอร์ก็ได้
ขอขอบคุณบทความจาก www.Goal.com
FACEBOOK : GUNNERTALK
EMAIL : TG.Thaigunners@gmail.com
TEL : +6696-293-9839