ด้วยยอดสั่งจองกว่า 3 ล้านตัว ซึ่งข้อมูลนี้ได้มาจากสมาคมฟุตบอลไนจีเรียในการประชุมครั้งสำคัญของไนกี้ ณ สำนักงานใหญ่ประจำทวีปยุโรป กลายเป็นตัวเลขที่ทำหลายคนอึ้ง เพราะเมื่อเปรียบเทียบสถานะทางเศรษฐกิจของประชากรในประเทศ และสถิติที่ผ่านมา ทำให้ไม่น่าเชื่อว่า เสื้อทีมชาติไนจีเรีย จะทำลายสถิติยอดสั่งจองแซงหน้าทุกประเทศที่ร่ำรวยกว่าในทวีปแอฟริกา รวมทั้งบรรดาสโมสรฟุตบอลระดับบิ๊กเนมในยุโรปลงได้อย่างราบคาบ อย่างเช่น สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งมียอดขายเสื้อรวมกันทั่วโลก สูงสุดที่ประมาณ 2.85 ล้านตัว ในช่วงปี 2016
ชุดทีมเหย้า
ชุดทีมเยือน
มีการคาดการณ์ว่า นอกจากเป็นแฟนบอลทั่วไปแล้ว ด้วยสั่งจองจำนวนมากเช่นนี้ น่าจะมาจากกลุ่มร้านค้าปลีก ที่ต้องการเสื้อทีมชาติไนจีเรียไปเก็บไว้ในสต็อก เพราะมีข่าวว่า จะผลิตเท่ากับจำนวนสั่งจองเท่านั้น ซึ่งอาจเป็นเหตุผลอันทำให้เสื้อทีมชาติไนจีเรีย ที่ว่ากันว่า ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่บวกมากที่สุดของไนกี้ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ อาจกลายเป็นของหายาก สำหรับนักสะสม หรือกลุ่มพ่อค้าเก็งกำไร
นอกจากประเด็นนั้นแล้ว ดั๊ก เบียร์ตัน ผู้ก่อตั้งบริษัท Classic Football Shirts อันโด่งดังในหมู่นักสะสมเสื้อฟุตบอล ซึ่งได้เสื้อของทีมชาติไนจีเรียมาครอบครองก่อนจะถึงวันปล่อยของ (31 พ.ค.) ให้ความเห็นว่า เขาเองก็ถึงกับต้องรีบขอเสื้อตัวนี้จากไนกี้มาจัดแสดงในงาน Fabric of Football ของเขาที่เพิ่งจบไปวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา หลังได้เห็นนักฟุตบอลทีมชาติไนจีเรียใส่ลงเล่นเกมกระชับมิตรในเดือนมีนาคม
"การอัดความเป็น 'สตรีทแฟชั่น' ลงไปอย่างเต็มที่ จะเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้คนคลั่งไคล้เสื้อตัวนี้" ดั๊ก เบียร์ตัน ชายหนุ่มจากแมนเชสเตอร์วัย 32 ปี ให้คำนิยามเสื้อทีมชาติไนจีเรีย ซึ่งเกิดกระแสความนิยมอย่างร้อนแรงและต่อเนื่องในโลกโซเซียล
ความแตกต่างจากเสื้อทีมชาติในสังกัดไนกี้ตัวอื่น ทำให้เสื้อทีมชาติไนจีเรียดูโดดเด่น และเป็นที่น่าสนใจ โดย ดั๊ก เบียร์ตัน กล่าวว่า ส่วนตัวเขา ก็ให้เครดิตกับดีไซน์ของกราฟิก อันทำให้ได้ย้อนกลับไปสู่แฟชั่นช่วงต้นยุค 90s และดูเหมือนทางไนกี้ จะได้เลือกหยิบจับเอาสิ่งที่ผู้คนกำลังสวมใส่เดินอยู่ตามท้องถนนจริงๆ มาอัดไว้ในเสื้อทีมชาติไนจีเรียตัวล่าสุด ซึ่งทำให้รู้สึกว่า พวกเขามาถูกทางแล้วสำหรับงานนี้
"ถึงเสื้อทีมชาติไนจีเรียตัวนี้ จะให้กลิ่นอายแบบย้อนยุค แต่พวกเขาก็ไม่ได้ลอกดีไซน์จากรุ่นก่อนมาตรงๆ พวกเขาดึงเอาแรงบันดาลใจจากเสื้อรุ่นที่เคยใส่ลงอุ่นเครื่องกับอังกฤษในปี 1994 บวกดีไซน์ตรงแขนที่มาจากเสื้อดอร์ทมุนด์ และพีเอสวี ยุค 90s นอกจากนี้ ยังถือว่า พวกเขามัดรวมจุดเด่นของเสื้อปี 1994 (เวอร์ชั่นอาดิดาส) เข้ากับความเป็นไนกี้ได้อย่างลงตัว จนผมรู้สึกว่า ดูใช่ และมีเอกลักษณ์มากเลย"
สำหรับเสื้อฟุตบอลทีมชาติไนจีเรีย เวอร์ชั่นฟุตบอลโลก 2018 เปิดตัวออกมาเป็นคอลเลคชั่นเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ และใส่ครั้งแรก ในเกมกระชับมิตรกับโปแลนด์ ตามด้วยเซอร์เบีย ซึ่งเปิดให้สั่งจองมาก่อนหน้านี้ และจะปล่อยของ ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. เป็นต้นไป โดยสมาคมฟุตบอลไนจีเรีย เคลมว่า ยอดสั่งจองพุ่งไป 3 ล้านตัวแล้ว (คาดว่า ส่วนใหญ่เป็นเสื้อทีมเหย้า) ว่าแต่คุณล่ะ? สนใจไหม ถ้าสนก็ต้องรีบแล้ว
FACEBOOK : GUNNERTALK
EMAIL : TG.Thaigunners@gmail.com
TEL : +6696-293-9839