เป็นครั้งแรกที่ ไนกี้ ได้ใช้เทคโนโลยี 3D Print กับรองเท้ากีฬาโดยมีชื่อว่า “VaporFly Elite Flyprint”

ถึงแม้เช้านี้ ผลของการแข่งจะมีไฮไลท์ของการเข้าเส้นชัยโดนคุณ Yuki ชาวญี่ปุ่น(ผู้สวม Asics) ไปอย่างยิ่งใหญ่ ในขณะที่ทางตัว Galen Rupp อีกหนึ่งนักวิ่งตัวแทนของแบรนด์สปอร์ตยักษ์ใหญ่เองถึงจะไม่ได้ฉายแววในสนามนี้  แต่ทว่าเค้าเป็นคนแรกที่ได้ใส่ “VaporFly Elite Flyprint”คู่นี้  ที่ใช้เทคโนโลยี 3D Print เป็นครั้งแรกของ Nike 

Flyprint คือ Flyknit ที่ถูกพัฒนามาใช้เทคโนโลยีใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่ Nike หันมาใช้เทคโนโลยี 3D Print กับรองเท้า Flyprint จะถูกสร้างขึ้นมาให้เข้ากับรูปเท้าของนักกีฬาคนนั้นโดยเฉพาะ อย่างที่เราเคยบอกไว้ว่าพระเอกของเทคโนโลยีนี้คือการออกแบบ “เพื่อนักกีฬาคนนั้นโดยเฉพาะ” ทำให้ VaporFly Elite ที่พื้นรองเท้าถูก “จูน” เข้ากับฝ่าเท้าของผู้ใส่แล้ว หน้าผ้ายิ่งจะทำให้มันเป๊ะขึ้นกว่าเดิมอีก

Flyprint มีความคล้ายคลึงหรือคือการต่อยอดพัฒนาไปร่วมกันกับ Flyknit 360 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่รองเท้าบาสตระกูล Kobe รุ่นใหม่ๆ ความโปร่งของหน้าผ้าที่จะช่วยระบายทั้งน้ำและฝุ่น(อย่าง boston marathon ที่ผ่านมา) จะยิ่งช่วยปลดล็อคความเร็วไปอีกเลเว่ล ที่ผ่านมา 3D Printing ถือว่าใกล้ความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ มีหลายแบรนด์ที่เริ่มใช้กันบ้างแล้วเช่น Under Armour ส่วน Adidas ก็เริ่มที่จะสามารถผลิตออกมาในจำนวนที่เยอะขึ้นได้มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงจังหวะนี้ก็เป็นตาของ Nike กันบ้าง

VaporFly Elite ที่ว่าหาซื้อกันยากอยู่แล้ว ตัวใหม่นี้ VaporFly Elite “FlyPrint” น่าจะยิ่งยากขึ้นไปอีก คู่นี้จะถูกวางขายครั้งแรกที่ London Marathon ที่จะถึงนี้ด้วยราคา 600$ หรือราวๆ 24,000 ราคาใกล้ๆกับ Hyperadapt เลยทีเดียวและคาดว่าไม่น่าจะซื้อกันได้ง่ายๆแน่ๆ ส่วนคนต่อไปที่จะได้ใส่รองเท้าคู่นี้ลงสนามก็ไม่ใช่ใครอื่น เค้าคือ Eliud Kipchoge อัศวิน Breaking2 ที่จะลงปะทะใน London Marathon ครั้งที่จะถึงนี้นั่นเอง

Images from : Brendandunne/SoleCollector