แม้ FIFA 16 จะยังคงเดินหน้ากวาดรางวัลเป็นว่าเล่น แต่ ทอม วิกกิ้นส์ ก็เชื่อว่าปีนี้ PES 2016 ได้นำเสนอทางเลือกที่แท้จริงให้กับคอเกม

หลายๆอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลง ซึ่งเราไม่ได้พูดถึงผลงานในแชมเปี้ยนส์ลีกของอาร์เซนอล แต่เราจะมาคุยเกี่ยวกับการปะทะกันระหว่าง FIFA กับ Pro Evo ต่างหาก

ก็เหมือนเช่นปกติที่ความสมจริงของ FIFA และฐานแฟนๆอันเหนียวแน่นทำให้ได้รับความชื่นชมจากคนส่วนใหญ่ แต่ PES ฤดูกาลนี้ได้ทำให้มันสูสีกว่าที่เคย เราได้ใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อทดสอบทั้ง 2 เกมอย่างเข้มข้น และนี่คือ 8 สิ่งที่เราคิดว่า Pro Evo ดีกว่าคู่ปรับตัวฉกาจ…

1. จังหวะทำประตูได้เสียวตลอด

ขณะที่ FIFA 16 ค่อนข้างแฮปปี้ที่ได้เห็นคุณจบเกมด้วยผลเสมอ 0-0 แต่ PES ไม่เป็นอย่างนั้น เกือบทุกช็อตจะมีลุ้นและเข้ากรอบตลอด แม้แต่ยิงแป้กก็ยังเฉี่ยวเสาแค่ไม่กี่คืบเท่านั้น
 

" Almost every shot is struck sweetly and hits the target, or at the very worst misses by less than the thickness of a Rizla  "

ขณะที่ลูกยิงของ ปอล ป็อกบา นั้นก็น่ากลัวพอสมควร (พอๆกับทรงผมของเขา) คุณต้องลองฝึกยิงโดยใช้ตัวนี้ดู มันมีประโยชน์ตอนที่ผู้รักษาประตูกำลังยืนผิดตำแหน่ง แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความผิดของคนเล่นที่ต้องมาเสียประตูในลักษณะดังกล่าว แต่มันก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการคว้าชัยในช่วงนาทีสุดท้ายด้วยการยิงเสียบ 3 เหลี่ยมมุมบนจากระยะ 30 หลา ซึ่งถ้าคิดในแง่ที่ว่าเรากำลังเล่นเกมอยู่มันก็ต้องให้ได้อารมณ์ตื่นเต้นสะใจประมาณนี้แหละ

2. การผ่านบอลอันสุดยอด (ยกเว้นการจ่ายทะลุช่อง)

ด้วยความช้ากว่าและเน้นการต่อบอลมากกว่าของ FIFA ทำให้มันดูเยี่ยมสำหรับการขึ่นเกมอย่างอดทน แต่ถ้าคุณกำลังมองหาการขึ้นบอลแบบรวดเร็วฉับไวตามสไตล์ดอร์ทมุนด์ของคล็อปป์แล้วล่ะก็ คุณต้องยกให้ PES

คุณจะได้รับความสนุกสนานจากการเล่นบอลจังหวะเดียว และควบคุมการผ่านบอลของนักเตะได้อย่างอิสระ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่การครองบอลแบบเกินงามจนทำให้เพื่อนร่วมทีมประสบกับความยากลำบากในการคอนโทรลเกม ถึงแม้ว่า AI จะยังจ่ายบอลทะลุช่องได้ธรรมดาเกินไปก็ตาม
อย่างไรก็ดีมีบ่อยครั้งเหมือนกันที่มีการออกบอลได้คมกริบแบบ อันเดรส อิเนียสต้า แล้วแบบนี้ใครจะไม่สนุกล่ะ?

เมสซี่ในเกมเจ๋งพอๆกับตัวจริง

3. มีใครอยากได้ชื่อทีมจริงๆอีกไหม?

ถึงจะหมดยุคของชื่อนักเตะอย่าง โรแบร์โต้ ลาร์กอส และ โรนาริด แต่ PES ก็ยังไม่สามารถใช่ชื่อทีมจริงๆได้ทั้งหมด อย่างในลีกอังกฤษยังคงต้องใช้ชื่ออย่างนอร์ธ ลอนดอน และเวสต์ กลามอร์แกน ต่อไป

ส่วนบุสเดสลีกานอกจากบาเยิร์น, โวล์ฟสบวร์ก และโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัคแล้วก็ไม่มีทีมไหนใช้ชื่อจริง ขณะที่เดอะแชมเปี้ยนชิพนั้นอย่าให้พูดเลยดีกว่า

แต่ปัญหาดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป ซึ่งบางคนอาจแย้งขึ้นมาว่ามันไม่เคยเกิดมีอยู่แล้ว (เพราะเล่นเสียจนไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา) โดยคอเกมสามารถดาวน์โหลดแพทช์เพื่ออัพเดทชุดแข่งและตราสโมสรของ Pro Evo ได้ทั้งหมด ซึ่งมันเป็นการเสียเวลามาก เพราะเมื่อคุณอัพโหลดขึ้นในเกมแล้วยังต้องเลือกเองอีกว่าเป็นของสโมสรไหน และผลสุดท้ายก็ใกล้เคียงกับความเห็นของสกาย สปอร์ตส์ ที่ว่าแฟนๆ FIFA มักจะได้เปรียบสาวกเกมคู่แข่งอยู่เสมอ

4. มีรายการแข่งขันจริงๆให้ลงเล่น

แต่ชื่อทีมที่ PES ขาดหายไปได้ถูกชดเชยด้วยการมอบสิทธิ์ให้ใช้ชื่อรายการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ง่อว์ จริงจังนะเนี่ย ซึ่ง ณ จุดนี้เองทำให้ช่องว่างกับเกม FIFA ขยับเข้าใกล้กันมากขึ้นตามความเห็นของสกาย สปอร์ตส์ ที่ว่าไม่มีประโยชน์ที่คุณจะเล่นฟีฟ่าหากคุณต้องการเดินลงสู่สนามท่ามกลางเพลงประจำทัวร์นาเม้นต์แชมเปี้ยนส์ลีก

PES สามารถวางแทคติกได้ยืดหยุ่นกว่า FIFA

และหากคุณสนใจบรรยากาศการลงเตะในค่ำคืนวันพฤหัสบดีของยูโรป้าลีกแล้วล่ะก็ PES ก็มีให้ ถ้าหากยังไม่สาแก่ใจคุณก็ยังมีโกปา ลิเบร์ตาดอเรส และซูดาอเมริกาน่าให้เล่นกันอีก

5. ภาพสวยกว่า

กราฟฟิคของ Pro Evo นั้นใช้เทคโนโลยีแบบเดียวกับ Metal Gear Solid ภาคล่าสุด ดังนั้นการเคลื่อนไหวของนักเตะและการปะทะกับผู้เล่นคนอื่นๆในสนามนั้นคุ้มค่าแก่การเล่น

เกมภาคใหม่มีกราฟฟิคอันน่าตื่นตาตื่นใจ
ทั้งอเกวโรและเนย์มาร์ในเกมต่างโลดแล่นในสนามอย่างเนียนตา ซึ่งการเลี้ยงบอลก็ทำได้อย่างพลิ้วไหวเกินกว่าที่คู่ต่อสู้จะคาดเดา ขณะที่ผู้ตัดสินยังดูอะล้มอล่วยมากกว่าของ FIFA ดังนั้นเขาเสียบสกัดจึงเป็นการทำลายเกมที่ได้ผลอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้สภาพอากาศยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอด นั่นหมายความว่าฝนสามารถตกตอนเริ่มเกมและแห้งในระหว่างนั้นมากกว่าที่จะเป็นเหมือนเดิมตั้งแต่ต้นจนจบแมตช์ 

เกมภาคใหม่มีกราฟฟิคอันน่าตื่นตาตื่นใจ

6. มันคือฝันของจอมแทคติกมือสมัครเล่น

ขณะที่นักเตะที่ถูกคอนโทรลโดยคอมพิวเตอร์ของ FIFA มีการวางแทคติกพื้นๆ อย่างการปิดทางลำเลียงบอลหรือการคุมตัววิ่ง ซึ่งมีขอบเขตการวางกลยุทธที่ค่อนข้างจำกัด และมากกว่าตัวปรับแผนก่อนเกมเพียงแค่นิดเดียว

แต่ PES ถือว่าตรงกันข้ามเพราะมันได้ปลดปล่อยความเป็นกวาร์ดิโอล่าในตัวคุณออกมา ซึ่งในระดับพื้นฐานคุณสามารถปรับได้ว่าจะให้แนวรับห่างจากผู้รักษาประตูแค่ไหน และยังสามารถเซ็ตระบบที่แตกต่างกันเวลาที่เป็นฝ่ายรุกและรับทำให้คุณคอนโทรลแนวทางการเล่นของทีมได้มากขึ้น

นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องง่ายที่จะฉีกกฏเกณฑ์เก่าๆแล้ววางนักเตะในตำแหน่งที่คุณต้องการอยากให้พวกเขายืน ถึงเวลาที่จะลองให้ฟูลแบ็คเล่นมิดฟิลด์แบบบาเยิร์นแล้ว

PES สามารถวางแทคติกได้ยืดหยุ่นกว่า FIFA

7. ท่าดีใจหลากหลายกว่า

ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่แต่การเซลฟี่ก็เป็นเรื่องปกติไปแล้ว เพราะขนาด “เจ้าชายหมาป่า” ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ยังกดสักแชะด้วยไอโฟนหลังจากที่ทำประตูตีเสมอลาซิโอเมื่อเดือนมกราคมเลย และคุณก็สามารถทำได้อีกครั้งใน PES

ซึ่งโดยปกติท่าดีใจของ PES มีเยอะและเพื่อนร่วมทีมก็มีส่วนร่วมในการฉลองมากกว่า FIFA อยู่แล้ว ทั้งการแปะมือ, การรูปกลุ่มต่อหน้าปาปารัซซี่ หรือแม้แต่ท่าจูบข้อมือของ หลุยส์ ซัวเรซ

นอกจากนี้ยังมีการกระโดดข้ามป้ายโฆษณาแล้วเข้าไปฉลองกับแฟนๆแบบสุดเหวี่ยงอีกด้วย บางทีใน PES2017 อาจมีท่าดีใจที่ซับซ้อนขึ้นด้วยการให้ อาเหม็ด เอลโมฮามาดี้กับนักเตะตัวจริงของฮัลล์อีก 10 คนใส่หน้ากากของ รอนนี่ พิคเกอริ่ง ก็เป็นได้

มีการฉลองประตูที่หลากหลายมากขึ้นในภาคล่าสุด

8. สนุกกว่า

ก่อนที่เกมฟุตบอลจะเริ่มหมกหมุ่นอยู่กับการสร้างรายละเอียดที่สมจริงยันหญ้าทุกต้นในสนาม จุดเริ่มต้นของมันก็คือความสนุกเพียงเท่านั้น และนั่นคือคำจำกัดความของ Pro Evo นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมหลายคนถึงยังเลือกกดปุ่มแบบ Pro Evo แม้ว่ากำลังจะนั่งลงเล่น FIFA ก็ตาม

PES 2016 ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความสนุกกับความจริงในบางครั้ง คุณสามารถยิงประตูช่วงท้ายเกม, ทำประตูสวยๆ,​ ยิงประตูนัดเยือนและพาตัวเองเข้าสู่รอบต่อไปของศึกเอเชียน แชมเปี้ยนส์ลีก มันได้บุกและกันตลอดและน่าตื่นเต้น และเมื่อคุณนั่งคิดอย่างจริงจังก็จะมองเห็นคุณภาพที่มีมากขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามมันสนุกมากจนคุณไม่คิดถึงเรื่องอื่นเลย
ย

http://www.fourfourtwo.com/th/features/8-thiieddthiithamaih-pes-2016-diikwaa-fifa-16#:uSo2hvO0y5wHdQ