เราจะเล่นกันในลีกทั้งปีแบบแทบจะนันสต็อป แถมมีทัวร์นาเม้นต์ทีมชาติต่อคิวอีก เลยทำให้นักกีฬา ‘ฟุตบอล’ ต้องเน้นเรื่องพลังมากกว่ากีฬาอื่น แน่นอน ก็มาจากอาหารนั่นแหละ แต่ลองไปดูสิว่า เขากินอะไรยังไงกันบ้าง?

โดย เจมส์ คอลลินส์ นักโภชนาการด้านกีฬา ซึ่งมีโอกาสได้ดูแลเรื่องอาหารให้กับ อาร์เซน่อล และ ทีมชาติอังกฤษ ได้อธิบายว่า ทั้งหมดนี้ คือ เมนูสำหรับนักฟุตบอลระดับอาชีพและพรีเมียร์ ลีก ต้องกิน เพื่อเสริมแรงการขับเคี่ยวในเกมฟุตบอล

อาหารเช้าควรเป็นอะไรที่กินง่าย ไม่น่าเบื่อ และดีเพื่อสุขภาพด้วย
 

สำหรับอาหารเช้า จะมี...
คาร์โบไฮเดรต+โปรตีน จัดเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในวันที่ต้องฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วง หรือในช่วงการแข่งขันอันเข้มข้น
คาร์โบไฮเดรต - เน้นข้าว / ธัญพืช
 

พอร์ริดจ์ คือ ตัวเลือกอันดับหนึ่งของมือเช้าสำหรับนักฟุตบอลอาชีพ สำหรับเมนูนี้ จะคล้ายกับโจ๊ก หรือซุปของฝรั่ง เพราะเป็นการเคี่ยวข้าวโอ๊ต หรือธัญพืชต่างๆ กับนม หรือน้ำ ซึ่งต้องบอกว่า เป็นอาหารเช้ายอดฮิตที่ให้พลังงานสูง แต่แคลอรีต่ำ
โปรตีน - เน้นไข่
บางครั้ง ก็มีจะมีการจัดเมนูไข่ที่แตกต่างออกไป เพื่อเสริมโปรตีนกันแบบเข้มข้น เช่น อาจเป็นเมนูไข่ที่ห่อกับขนมปังต่างๆ 

นักเตะอาชีพจะไม่ค่อยกินพาสต้า, ไก่ในมื้อกลางวันและเย็น
 

สำหรับอาหารกลางวัน - อาหารเย็น จะมี...
โปรตีน - เน้นเนื้อแดง / เนื้อขาว 
โดยแหล่งโปรตีนชั้นดีจะมาจากเนื้อวัว, ปลาแซลมอน / ปลาแมคเคอเรล (ซึ่งใช้ทำปลากระป๋อง) รวมไปถึงเมนูมังสวิรัติบ้าง
 

คาร์โบไฮเดรต - เน้นความหลากหลาย
เพื่อไม่ให้ดูน่าเบื่อ พวกเขาจะจัดเมนูคาร์โบไฮเดรตที่แตกต่างกันไปเรื่อยๆ เช่น ผักโขมเขียว (Amaranth) ซึ่งนักเตะอเมริกาใต้จะชอบมาก หรือของโปรดในหมู่นักเตะฝรั่งเศส และอิตาลีอย่าง ฟาร์โร่ (Farro) เมล็ดธัญพืชที่เอามาทำสลัดได้เอร็ดอร่อย
แร่ธาตุ / วิตามินสูง - เน้นผักตามฤดูกาล
ในส่วนนี้ ถือว่าไม่มีอะไรซับซ้อน เน้นจับเอาผักหลากหลายที่ขึ้นตามฤดูกาลมาให้ โดยจะเน้นที่มีวิตามิน และแร่ธาตุสำคัญ

พวกของขบเคี้ยว กินเล่น ในเวลาว่าง ก็จะเน้นที่มีโปรตีนสูง
สำหรับอาหารว่าง จะมี...
พวกโปรตีนอัดแท่ง หรือมาเป็นแผ่นแบบขนม (สแน็ค) คือ สิ่งที่นักฟุตบอลยุคใหม่จะชอบหยิบมากินเวลาว่าง โดยพวกเขามักจะหมั่นเพิ่มเติมโปรตีนให้กับร่างกายอยู่เสมอ เพราะรู้ว่า สามารถช่วยในเรื่องการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อช่วงที่ซ้อมหนักได้

มีการเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับอาหารเสริมในช่วงแข่ง
สำหรับช่วงแข่งขัน จะมี...
 

คาร์โบไฮเดรต หรือคาเฟอีนแบบเจล จะถูกเตรียมไว้ สำหรับการแข่งขัน โดยเฉพาะช่วงพักครึ่ง เพื่อเพิ่มพลังในครึ่งหลัง แต่ ‘เจมส์ คอลลินส์’ บอกว่า ต้องฝึกกินให้ท้องไส้ปรับตัวได้ทัน และสามารถรับมือกับของกินแนวนี้ให้ได้หลายๆ ยี่ห้อด้วยนะ

นักเตะอาชีพจะต้องดื่มน้ำให้พอดีกับปริมาณเหงื่อที่เสียไป
สำหรับเครื่องดื่ม จะมี...
เครื่องดื่มเอเนอจี้ ดริ้งค์ ที่มีคาร์โบไฮเดรต เพื่อเติมพลังให้กล้ามเนื้อ และอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยร่างกายดูดซับ และรักษาระดับน้ำในร่างกาย โดยพยายามดื่มให้พอดี หรือใกล้เคียงปริมาณเหงื่อที่เสียไป (ซึ่งแต่ละคนก็จะไม่เท่ากัน) 
“นี่คือ สิ่งสำคัญมากๆ ถ้าคุณต้องลงเล่นในสภาพอากาศที่ร้อนในฟุตบอลโลก หรือแชมเปี้ยนส์ ลีก” เจมส์ คอลลินส์ ว่าไว้
 

หลังจากแข่งเสร็จ เครื่องดื่มจะช่วยให้ร่างกายดีขึ้นได้มาก
สำหรับช่วงฟื้นฟู เฟสแรก จะมี...
เช่นเดียวกับช่วงหลังเกม เครื่องดื่มที่มีคาร์โบไฮเดรต, โปรตีน, หรือ สารต่อต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว เช่น น้ำผลไม้ต่างๆ ทั้งแบบคั้น หรือปั่น (สมูธตี้) ซึ่ง เจมส์ คอลลินส์ บอกว่า มันจะถูกเตรียมไว้ในห้องแต่งตัวของพวกเขา

ผู้เล่นฟื้นฟูร่างกายได้รวดเร็วในเฟสสองด้วยอาหารญี่ปุ่น
สำหรับช่วงฟื้นฟู เฟสสอง จะมี...
 

อาหารแนวบุฟเฟ่ต์เพื่อสุขภาพ โดยเสิร์ฟกันในห้องแต่งตัวเหมือนเคย เจมส์ คอลลินส์ บอกว่า เมนูยอดฮิตที่พวกเขาชื่นชอบคือ ซูชิ หรือข้าวปั้นห่อสาหร่ายแบบทรงกรวย (เทมากิ) รวมถึงพวกซาซิมิ ที่ดูเหมือนทำให้พวกสนุกกับการกินมากทีเดียว

ในห้องครัวสำหรับนักเตะมักจะเต็มไปด้วยธัญพืชและไข่
"เราแนะนำให้จัดพวกซีเรียล, ข้าวต้ม, ข้าวโอ๊ตและยีสต์ไว้ในห้องครัวของนักฟุตบอล โดยพวกเขาสามารถสนุกไปกับของกินอันหลากลายที่มีส่วนผสมของพวกโยเกิร์ตรสผลไม้, นมหรือ กรีก โยเกิร์ต"

"ไข่ก็เป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่ต้องมี เพื่อให้นักเตะทำไข่เจียว หรือไข่ตุ๋นได้ เมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า หรืออาจมีขนมปังกรอบ (บิสกิต) หรือของขบเคี้ยวหวานๆ ติดไว้สำหรับกินเล่นตอนเย็น หรือจะเวลาไหนก็ได้"
 

นอกจากนี้ เจมส์ คอลลินส์ ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า "ต้องมีการสลับเมนูอาหารเป็นเมนูใหม่ทุก 2 สัปดาห์ รวมถึงของกินเล่น หรือขบเคี้ยว เพื่อให้พวกเขาสนุกไปกับการกินอาหารเพื่อสุขภาพด้วย"

ทั้งหมดนี้ คือ ข้อมูล และคำแนะนำจากมืออาชีพด้านโภชนาการกีฬาในอังกฤษ ซึ่งมีลีกฟุตบอลอันเลื่องชื่อในเรื่องการใช้พละกำลังอย่าง พรีเมียร์ ลีก แต่จริงๆ แล้ว ก็เอาไปปรับใช้ได้กับเรื่องโภชนาการของทุกทีมในภาพรวมได้ดีทีเดียว ลองดูได้