ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมอย็อง กัปตันทีมของ อาร์เซน่อล ยอมรับว่าเสียใจเรื่องที่เคยมาสายและโดนดร็อปจากเกมนอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

โอบาเมอย็อง เดินทางมาประชุมทีมสายในเกมที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 14 มีนาคมและโดน มิเกล อาร์เตต้า ลงโทษด้วยการดร็อปเขาจากการเป็นตัวจริง ในเกมที่ทีมของเขาเอาชนะเหนือ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ 2-1 

ในเกมนั้นอาร์เตต้า เปิดเผยหลังจากจบเกมว่าการลงโทษเกิดขึ้น และได้ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว

เมื่อถูกถามถึงเรื่องดังกล่าว, โอบาเมอย็อง ตอบว่า 

"แน่นอน, อยู่แล้วล่ะ (ผมเสียใจ) มันเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่เลย"

"แต่หลังจากนั้น ผมคิดว่าความรู้สึกของผมหลังจากเกมคือเราคว้าชัยในศึกดาร์บี้และมีแค่นั้นแหละ นี่เป็นส่วนนึงของฤดูกาลนี้และก็ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว"

"เราเพียงแค่มองถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าและโฟกัสไปที่การจบฤดูกาล แต่แน่นอน ผมเสียใจกับบางสิ่งในฤดูกาลนี้, อย่างแน่นอน"

"แต่ตอนนี้ผมไปแก้สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตไม่ได้หรอกนะ ผมแค่ตั้งตารอการจบฤดูกาลให้สวยๆ"

นอกจากนี้ ยังได้เปิดเผยถึงช่วงเวลาแย่ของตนเอง ตอนที่ป่วยติดเชื้อมาลาเรีย ซึ่งทำให้น้ำหนักลดลงถึง 4 กิโลกรัม หลังเดินทางไปช่วยชาติเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

หัวหอกกาบอง พลาดช่วยทีมไป 4 นัด นับตั้งแต่ทราบผลวินิจฉัยโรค และเพิ่งกลับมาฟิตมีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมพบบีญาร์เรอัล ในยูโรป้าลีก รอบรองชนะเลิศ นัดแรก สัปดาห์ที่แล้ว ก่อนจะได้เล่นเป็นตัวจริงและยิงประตูได้เกมชนะนิวคาสเซิล 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

"ตอนนั้นผมยังปกตินะ รู้สึกแย่นิดหน่อย แต่ก็คิดว่าคงเป็นอาการล้าจากการเดินทาง" โอบาเมยอง เล่าเรื่องราว

"อยางที่ทุกคนทราบ กาบอง เดินทางไกลมาก ผมคิดว่าคงแค่ล้า โดยเฉพาะในเกมพบลิเวอร์พูล ที่ผมยังคิดอยู่เลยว่า มันน่าจะเพราะล้าจากจากเดินทาง"

"ผมรู้สึกแย่มากๆ มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดแล้วของการป่วยในชีวิต มันหนักมากจริงๆ"

"ผมมีไข้นอนซม 3 วันติด กินพาราเซตามอลก็ไม่ช่วยทำให้ไข้ลดลง หลังจากนั้น ผมรู้ตัวเลยว่า ต้องไปหาหมอแล้ว"

"ผมบอกว่าต้องไปโรงพยาบาล เนื่องจากผมเดินทางไปแอฟริกา บางทีมันอาจเป็นไข้มาลาเรีย"

"ผมพักรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 3 วัน ผมรู้สึกแย่มาก ผมคิดว่าน้ำหนักน่าจะหายไป 4 กิโลกรัมได้ มันคือช่วงเวลาที่เลวร้าย ผมว่าครอบครัวต้องเป็นห่วงผมมากแน่ๆที่เห็นผมเป็นแบบนั้น"

"ผมได้รับการรักษาที่ดี คุณหมอและพยาบาลดูแลอย่างดี และโชคดีที่รักษาทันเวลา ถ้าผมมาช้ากว่านี้ คงต้องเป็นเรื่องใหญ่มากแน่ๆ"