วิเคราะห์ 5 ทีมเต็ง ศึกฟุตบอลยูโร 2020 ยุคฝ่าวิกฤติโควิด
TG.Thaigunners@gmail.com
+6696-293-9839

COLUMNISTS

วิเคราะห์ 5 ทีมเต็ง ศึกฟุตบอลยูโร 2020 ยุคฝ่าวิกฤติโควิด

2808 15-6-2021 Share

ศึกฟุตบอลยูโร 2020 ในยุคโควิด ที่อาจเรียกว่ากระแสนิยมในวันนี้นั้นแทบจะเงียบสนิทน่าใจหาย จนหลายคนลืมไปแล้วว่าศึกลูกหนังยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองรองจากฟุตบอลโลก ได้เริ่มขึ้นแล้วตั้งแต่ในวันศุกร์ที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยมี 24 ทีมชาติในโซนยุโรปที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย จะทำการแข่งขันใน 11 สนามประจำเมืองดังๆของทวีปยุโรป เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 60 ปีของการแข่งขัน โดยรอบรองชนะเลิศ และชิงชนะเลิศในสังเวียน เวมบลีย์ กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ

เดิมต้องแข่งขันในเดือน มิถุนายน 2020 แต่เนื่องจากสถานการณ์ "โควิด" ทำให้ต้องเลื่อนมาอีกปี และน่าเสียดายไม่มีการซื้อลิขสิทธิ์มาฉายในประเทศไทยทำให้ ยูโร หนนี้ไม่คึกคักเท่าที่ควรจะเป็น สำหรับทีมเต็งแชมป์บ่อนการพนันถูกกฏหมายคาสิโนสดคาสิโนออนไลน์ หลายเจ้าของอังกฤษ ได้ออกราคาให้แฟนฟุตบอลได้ลุ้นกันแล้ว จึงขอนำ 5 ทีมเต็งแชมป์ศึกยูไรหนนี้มานำเสนอ จะมีชาติใดบ้างมาดูกัน

เต็ง 5 สเปน

"กระทิงดุ" สเปน อดีตทีมแชมป์ 3 สมัย ในปี 1964 และเป็นทีมเดียวในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์และรักษาแชมป์ไว้ได้ในปี 2008 และ 2012 ส่วนผลงานครั้งล่าสุดคือตกรอบ 16 ทีม แพ้อิตาลี 0-2

มาในศึกยูโรหนนี้ "หลุยส์ เอ็นริเก้" ต้องปรับเปลี่ยนทีมอย่างหนัก การเล่นที่ขาดซูเปอร์สตาร์ต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนด้วยทีมเวิร์ก กองหน้ายังเป็นเรื่องที่ต้องค้นหา โดยในรอบคัดเลือกมีผู้ทำประตูสูงสุดได้แค่ 4 ประตู จาก 3 นักเตะคือ อัลวาโร่ โมราต้า, เซอร์จิโอ รามอส และ โรดริโก โมเรโน มาชาโด 

โดยเฉพาะรายหลัง โรดริโก โมเรโน มาชาโด กองหน้าจาก "ยูงทอง" ลีดส์ ยูไนเต็ด เป็นนักเตะทีมชาติสเปน ที่เกิดและมีเชื้อสายบราซิล แทบจะเป็นตัวหลักในแดนหน้าไปแล้ว ส่วน เซอร์จิโอ รามอส ก็ถูกตัดออกจากทีมในนาทีสุดท้ายด้วยสภาพร่างกาย 

แต่ทั้งนี้ สเปน อาจมีหวังกับดาวยิงแห่งอนาคต "อันซู ฟาติ" กองหน้าแห่งทีมบาร์เซโลน่า ในวัย 18 ปี กลายเป็นนักเตะที่ทำลายสถิติผู้ทำประตูอายุน้อยที่สุดในรอบ 95 ปีของสเปน ในเกมชนะ ยูเครน 4-0 ในศึกยูฟ่าเนชั่นส์ลีก เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังจากก่อนนี้ผู้ผู้ทำประตูอายุน้อยในรอบ 78 ปีให้กับ "บาร์ซ่า" มาแล้ว

ส่วนในแดนกลาง "กระทิงดุ" สเปน ยังมีดาวเด่นที่สามารถสร้างสรรค์และพลิกเกมได้เพราะกำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีคือ "ติอาโก อัลกันตารา" ดาวเตะของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ผู้มีประสบการณ์ติดทีมชาติมาแล้ว 41 ครั้ง ประสบการณ์ของเขา "อัลกันตารา" น่าจะช่วยประคองเกมให้ดาวรุ่งอย่าง เปดริ, เอริก การ์ซิอา และ เฟร์รัน ตอร์เรส ทำงานได้ง่ายขึ้น

แม้ "สเปน" ชุดนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังหนุ่มประสบการณ์น้อย แต่หากมั่นใจและอยู่ในช่วงฟอร์มที่ดี "กระทิงดุ" ก็สามารถล้มได้ทุกทีมเช่นกัน


เต็ง 4 เยอรมัน

ทุกสังเวียนลูกหนัง "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน เป็นทีมที่ไม่ควรถูกมองข้าม อดีตทีมแชมป์ 3 สมัยในปี 1972, 1980 และล่าสุด 1996 ถูกมองเป็นเต็ง 4 เพราะขาดผู้เล่นระดับเวิลด์คลาสในทีมชุดนี้

"โยอาคิม เลิฟ" กุนซือคู่บุญประกาศวางมือทันทีที่เสร็จสิ้นในภารกิจศึกยูโร 2020 หลังจากคุมทัพเป็นโค้ชให้กับทีมเยอรมนีมาตั้งแต่ปี 2006อก่อนพาทีมอินทรีเหล็กก้าวไปสู่ความสำเร็จในฟุตบอลโลกปี 2014 สำหรับผลงานยูโร 2016 ครั้งล่าสุด ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนแพ้ฝรั่งเศส 0-2

มาในยุคนี้ "อินทรีเหล็ก" ดูไม่ดุดันไร้ดาวดังตัวจบสกอร์มีเพียง "แซร์จ นาบรี้" ที่ยิงในรอบคัดเลือก 8 ประตู สำหรับแดนกลางต้องหวังพึ่งประสบการณ์ "โทนี่ โครส" หนึ่งในพลพรรคชุดแชมป์โลก 2014 

แต่ยังมีหวังกับดาวรุ่ง "ไค ฮาเวิร์ตซ์" นักเตะหนุ่มที่พา "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เป็นแชมป์ยุโรป หากฟอร์มเข้าฝักขึ้นมาอาจเป็นตัวเปลี่ยนพา "อินทรี" ที่หงอยเหงากลับมาคึกคักได้อีกครั้ง

และด้วยคุณภาพของ "เยอรมัน" โปรดอย่ากาชื่อทีมเต็งแชมป์ชุดนี้ทิ้งไปเป็นอันขาด


เต็ง 3 เบลเยี่ยม

เป็นทีมที่ถูกจับตามองมาตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2018 ด้วยนักเตะคุณภาพในทีมคับคั่ง มาในศึกยูโร

"เบลเยี่ยม" ยังเป็นทีมที่มีสิทธิ์คว้าแชมป์ในฐานะเต็ง 3 แม้อดีตที่ผ่านมาดีที่สุดคือเข้ารอบรองชนะเลิศเมื่อปี 1980 ส่วนครั้งที่ผ่านมาตกรอบ 8 ทีม ด้วยการพ่าย เวลส์ 1-3

กุนซือ "โรเบร์โต มาร์ติเนซ" อาจจะมีปัญหาเล็กน้อยกับอาการบาดเจ็บของจอมทัพคนสำคัญ "เควิน เดอบรอยน์" หลังปะทะกับนักเตะเซลชีในเกมยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก

ด้วยฟอร์มเทพของ "เดอบรอยน์" จากผลงานเก็บได้ 4 ประตูและ 7 แอสซิสต์ในรอบคัดเลือกจึงเป็นหัวใจของทีมที่ขาดไม่ได้ แต่ "เบลเยี่ยม" ยังโชคดีที่ผู้ช่วยชั้นยอด "ยูริ ติเลอม็องส์" มิดฟิลด์สารพัดประโยชน์ของเลสเตอร์ วัย 23 ปี อยู่ในฟอร์มที่ดี

ในขณะที่กองหน้า "โรเมลู ลูกากู" ดาวยิงสูงสุดของทีม ทำไป 7 ประตู ในรอบคัดเลือกกำลังมีความมั่นใจ

ดังนั้น "เบลเยี่ยม" จึงเป็นทีมหน้าใหม่ที่น่าลุ้นมากที่สุด


 เต็ง 2 อังกฤษ

"สิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษ ไม่เคยเป็นแชมป์ ผลงานที่ดีที่สุดคืออันดับสามในปี 1968 โดยในปีล่าสุดตกรอบ 16 ทีม ด้วยการพ่ายพลิกให้ไอซ์แลนด์ 1-2

แต่ด้วยความพร้อมในปีนี้ลูกทีมของ "เกเรธ เซาต์เกธ" ผู้จัดการทีมที่มีอดีตเคยพลาดจุดโทษรอบรองชนะเลิศในยูโร ’96 จัดระบบเรียกฟอร์มของทีมจนทำให้อังกฤษกลายเป็นหนึ่งในเต็งแชมป์ยูโร 2020 โดยมีขุนพลคู่ใจคือ แฮร์รี่ เคน ที่ทำผลงานยิงไป 12 ประตูในรอบคัดเลือก

ดาวยิงจากสเปอร์ "แฮร์รี่ เคน" กำลังอนาคตกับสโมสรใหม่และหากผลงานดีในศึกยูโรอาจมีค่าตัวเพิ่ม กัปตันทีมและกองหน้าตัวเก่งของอังกฤษ ถือเป็นนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้สม่ำเสมอและเป็นตัวทีเด็ดหัวใจของทีมชาติที่ขาดไม่ได้

นอกเหนือจาก "แฮร์รี่ เคน" อังกฤษยังมีผู้เล่นน่าจับตามองคือ "จาดอน ซานโช" ดาวเตะอนาคตไกลจาก "โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์" ในศึกบุนเดสลีก้าของเยอรมัน 

จะมีนักเตะอังกฤษสักกี่คนที่ค้าแข้งต่างแดนจนเป็นที่ยอมรับ และหนึ่งในนั้นคือ "ซานโซ" ดาวดวงใหม่ที่ต้องจับตามอง

นอกจากฟอร์มที่ลงตัว อย่าลืมว่าเกมในรอบรองชนะเลิศ และชิงชนะเลิศในศึกยูโรครั้งนี้แข่งขันที่กรุงลอนดอน จึงไม่น่าแปลกหาก อังกฤษ จะทะลุชิงและคว้าแชมป์เหมือนครั้งแรกและครั้งเดียวในการคว้าแชมป์โลก


เต็ง 1 ฝรั่งเศส

"ตราไก่" ฝรั่งเศส ชื่อนี้ถือเป็นขาประจำที่หลายทีมต้องเกรงขาม นับตั้งแต่ในยุคของ "ซิเนดีน ซีดาน" ตราไก่ครองความยิ่งใหญ่การเป็นแชมป์โลกสมัยแรกในปี 1998 นับจากนั้นมาในสองทศวรรษนี้เป็นของ "ตราไก่" ฝรั่งเศส ที่ทุกทีมต้องยอมรับ

ในการแข่งขันฟุตบอลโลกและศึกยูโร นับจากปี 1998 ฝรั่งเศสเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ 5 ครั้ง และคว้าแชมป์ได้ถึง 3 ครั้ง จากแชมป์โลก 2 สมัยและแชมป์ยูโรอีก 1 สมัย

"ดีดีเย เดช็อง" กุนซืออดีตนักเตะชุดแชมป์โลกปี 1998 และแชมป์ยูโร 2000 มีโอกาสสานความสำเร็จให้ทีมอีกครั้ง ด้วยคุณภาพของนักเตะแทบทุกตำแหน่ง โดยกองหน้ายังมีจอมเก๋าแชมป์สโมสรยุโรปจากเชลซี "โอลิวิเยร์ ชิรูด์" ทำผลงานยิง 6 ประตู สูงสุดในรอบคัดเลือก

จากความผิดหวังครั้งล่าสุด พ่าย โปรตุเกส 0-1 ในรอบชิงชนะเลิศ ทำให้ "ตราไก่" หมายมั่นปั้นมือจะล้างตาให้ได้ในศึกครั้งนี้ โดยยังมีลูกทีมอันทรงประสิทธิภาพในทีมอย่างครบครัน

โดยเฉพาะ "อองตวน กรีซมันน์" นักเตะแดนกลางหัวใจสำคัญของทีม แม้ไม่ใช่กองหน้าตัวเป้า แต่ "กรีซมันน์" ทำประตูสำคัญให้กับทีมอยู่เสมอ จนกลายเป็นผู้เล่นฝรั่งเศสในตำแหน่งกองกลางที่ทำประตูได้มากที่สุดตลอดกาล รองจาก "ซิเนดีน ซีดาน" คนเดียวเท่านั้น

ที่สำคัญอย่าลืมผู้ปิดทองหลังพระ "เอนโกโล กองเต้" ดาวเตะร่างเล็กใจใหญ่จาก "เซลชี" ที่ได้รับการยกย่องเป็นกลางตัวรับที่ดีที่สุดในโลกเวลานี้

ส่วนในแดนหน้า แน่นอนว่า "คีเลียน เอ็มบัปเป" ดาวยิงของปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่คาดว่าอาจครองสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลกเมื่อมีการย้ายทีมเป็นตัวหลักสำคัญ แม้ไม่สามารถทำประตูได้มากมาย แต่ "เอ็มปัปเป" เป็นตัวหลอก กระชากลากเลื้อยจากริมเส้นที่เร็วและคล่องจนหาตัวจับยาก

สำหรับแนวรับ "ตราไก่" ฝรั่งเศส ยังมีผู้เล่นน่าจับตามองคือ "เคลเมนต์ เลงเก็ต" เซ็นเตอร์แบ็คที่เป็นตัวหลักให้กับบาร์เซโลนา จะเป็นตัวเลือกแรกที่จะเล่นคู่กับ "ราฟาแอล วาราน" หัวใจสำคัญในเกมรับของ "เดช็อง"

ส่วนประตูไม่ต้องพูดถึง "ฮูโก้ ยาริส" จากสเปอร์เก๋าและเหนียวหากไม่เจ็บไม่มีใครแทนเขาได้

ทั้งหมดนี้คือ 5 ทีมเต็ง จากลำดับ 1-5 แทบไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มีทีมดังอย่างทีมแชมป์เก่า โปรตุเกส ของยอดนักเตะ "คริสเตียนโน่ โรนัลโด้" รวมถึง "อัสซูรี่" อิตาลี แชมป์ในปี 1968 และ เนเธอร์แลนด์ อดีตแชมป์ไร้เทียมทานในยุค "สามทหารเสือ" รุด กุลลิด, แฟรงค์ ไรจ์การ์ด และ มาร์โก้ แวนบาสเท่น ในปี 1988 รวมอยู่ด้วย 

อย่างไรก็ตาม ศึกยูโร ถือเป็นทัวร์นาเม้นท์ที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ อดีตที่ผ่านมาไม่นานเคยมีม้ามืดสร้างเทพนิยายแห่งความสำเร็จมาแล้วอย่างน้อยสองทีม คือ เดนมาร์ก แชมป์ยูโร 1992 ทีมที่ตกรอบคัดเลือกไปแล้วแต่ถูกเรียกมาแทน ยูโกสลาเวีย ที่ถูกแบนเพียงแค่ไม่กี่วันก่อนการแข่งขันจะเริ่ม และ กรีซ ในยูโร 2004 ทีมที่ไม่มีอะไรมากนอกจากการอุดแล้วโต้กลับที่พลิกเอาชนะเจ้าภาพ โปรตุเกส แบบน้ำตาท่วมทั้งสนาม

ดังนั้นก็ไม่แปลกใจที่เราจะได้เห็นทีมรองอย่าง เวลส์  สวีเดน หรือ สโลวาเกีย จะเป็นทีมม้ามืดในรายการนี้ และก็ไม่แปลกใจอีกเช่นกันหากทีมเต็งหลายๆทีมจะไม่ม่สามารถคว้าแชมป์ยูโรหนนี้ได้ ก็นับว่าไม่ใช่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายอีกแต่อย่างใด !!

ติดต่อโฆษณา : TG.Thaigunners@gmail.com PHONE : 096 443 2589

THE HONOUR

FACEBOOK : GUNNERTALK

EMAIL : TG.Thaigunners@gmail.com

TEL : +6696-293-9839