"แฟนบอลคือเจ้าของสโมสร" การเริ่มและดับของ "ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก"
TG.Thaigunners@gmail.com
+6696-293-9839

COLUMNISTS

"แฟนบอลคือเจ้าของสโมสร" การเริ่มและดับของ "ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก"

2898 28-4-2021 Share

วงการฟุตบอลมีแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ เพียงไม่กี่วันหลังจากที่สโมสรยักษ์ใหญ่ระดับโลก12ทีมต่างออกมาประกาศว่า จะร่วมก่อตั้งลีกใหม่ของยุโรป ชื่อว่า “ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก” ที่นำเอายอดทีมในทวีปยุโรปมาเตะกันทุกๆกลางสัปดาห์ แทนที่รายการ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ซึ่งเป็นไอเดียที่พูดกันมานานหลายปีแล้ว แต่มาปรากฏรูปร่างชัดเจนในช่วงวิกฤตโรคระบาดโควิด ซึ่งบรรดาสโมสรฟุตบอลกำลังเผชิญปัญหาทางการเงิน



สโมสรระดับแถวหน้าของยุโรปและของโลก 12 สโมสรประกาศเป็นผู้ร่วมก่อตั้งลีกใหม่ ประกอบด้วย เรอัล มาดริด (แกนนำ), บาร์เซโลน่า, แอตแลนติโก มาดริด จากสเปน ร่วมกับ ยูเวนตุส, เอซี มิลาน และอินเตอร์ มิลาน จากอิตาลี ร่วมด้วยทีมดังจากลีกยอดนิยมที่สุดในโลกคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, เชลซี, ลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล และท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ จากพรีเมียร์ลีก อังกฤษ  โดยคาดหวังที่จะดึงดูดความสนใจของคนดูฟุตบอลทั่วโลก และสปอนเซอร์รายใหญ่ให้หันมามอง ซึ่งทีมเหล่านี้หวังว่าจะสร้างรายได้มหาศาลให้สโมสรตัวเองให้ดีขึ้น ในช่วงภาวะวิกฤติเช่นนี้


บริษัทสื่อโฆษนาต่างๆ สถาบันการเงินFinancial Times รวมถึงแหล่งพนันถูกกฎหมายชื่อดังระดับโลกอย่างBetway88 slots casino พากันวิเคราะห์ และประเมินตัวเลขคร่าวๆ เอาไว้ว่า ซูเปอร์ลีกนั้นจะทำรายได้ให้แก่สโมสรที่เข้าร่วมราว 300 ล้านปอนด์ต่อปี ตัวเลขนี้มากกว่าตัวเลขรายรับสูงสุดที่จะได้จากยูฟ่า ในฐานะแชมป์ของแชมเปียนส์ลีก ซึ่งจะได้สูงสุดประมาณ 111 ล้านปอนด์ค่อนข้างมาก


J.P. Morgan บริษัทหลักทรัพย์ระดับโลก ซึ่งกำลังมองหาโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ และสนใจเกมกีฬาที่มีฐานแฟนฟุตบอลทั่วโลก และสโมสรเองก็มีโอกาสจะเป็นลูกค้าของพวกเขาด้วย ที่พร้อมลงทุนด้วยในระดับ 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังมี สื่อออนไลน์อย่าง DAZN ยักษ์ใหญ่เจ้าของสมญา Netflix แห่งวงการกีฬา ก็มีข่าวว่าพร้อมจะลงทุนให้ 3.5 พันล้านยูโร เพื่อแลกกับสิทธิ์ในการขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด รวมถึงการถ่ายทอดสดผ่านแพลตฟอร์มของพวกเขาเองบน OTT (นึกภาพ Netflix ที่มีฟุตบอลซูเปอร์ลีก และรายการอื่นๆ ให้ดู)


 เอาแค่หากซูเปอร์ลีกเริ่มต้นคิกออฟได้ สโมสรที่เข้าร่วมจะได้รับเงินก้อนใหญ่ 3.5 พันล้านปอนด์ทันที โดยเงินจำนวนนี้จะนำไปใช้เพื่อการปรับปรุงสนาม ปรับปรุงสนามซ้อม (สองข้อนี้เพื่อตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืน) หรือเพื่อซื้อนักเตะก็ได้ทั้งนั้น



แต่ยังไม่ทันไร ไม่นานนัก สมาพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) และสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ออกมาต่อต้านทันที และประนามทีมดังกล่าวว่า ไม่มีจรรยาบรรณ และมองเห็นเพียงประโยชน์ของตัวเอง และออกกฎมาว่า นักเตะที่เล่นในยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก จะต้องโดนแบนจากการแข่งขันฟุตบอลโลก และการแข่งขันระดับนานาชาติรายการอื่น ๆ ทั้งระดับทวีป และระดับโลก อีกทั้งสโมสรที่เข้าร่วมยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก จะถูกแบนจากการแข่งขันในระดับประเทศ ระดับทวีป และระดับนานาชาติ ส่วนนักฟุตบอลก็อาจจะถูกตัดโอกาสในการเล่นให้ทีมชาติด้วย


ด้วยให้เหตุผลว่า การก่อตั้งลีคนี้ จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อวงการฟุตบอลในทางลบมากมาย จึงมีคำคัดค้าน-ต่อต้านจากหลายฝ่ายออกมาในทันที ทั้งแบบเบาและแบบหนัก ที่สำคัญคือ ปฎิกิริยาต่อต้านทันทีของแฟนบอล ที่รวมตัวกันการประท้วงสโมสรของตนเอง โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีค


ในประเทศอังกฤษที่ฟุตบอลเป็นทั้งชีวิต จิตวิญญาณ วัฒนธรรม กลุ่มสังคม และเครื่องมือทำเงินเข้าประเทศ เป็นประเทศที่มีการต่อต้านการเข้าร่วมยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก อย่างหนัก ทั้งโดยแฟนบอลที่ออกมาประท้วง ลีก สมาคมฟุตบอล สโมสรฟุตบอลอื่น ๆ ในประเทศ ผู้บริหารประเทศ ไปจนถึงสมาชิกราชวงศ์อย่างเจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งเคมบริดจ์


นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ก็ไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ เขามองว่าเรื่องนี้จะสร้างความเสียหายต่อวงการฟุตบอล และจะทำให้สโมสรฟุตบอลอังกฤษต้องกลายเป็นสินค้าของนานาชาติ  ดังนั้นรัฐบาลอังกฤษจะทำเต็มที่เพื่อยับยั้งไม่ให้แผนการนี้สำเร็จ  ขณะเดียวกันนั้น ทางสมาคมพรีเมียร์ลีกอังกฤษก็ออกมากดดันทีมหัวแถวของลีกเช่นกัน ว่าสโมสรที่จะเข้าร่วมยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก ก็ต้องลาออกจากพรีเมียร์ลีกในทันที เพราะถือว่าละเมิดกฎของลีก แล้วมีการเรียกประชุม 14 สโมสรที่เหลือ ตามมาด้วยการออกแถลงการณ์ในช่วงบ่ายวันที่ 20 เมษายน 


ด้วยแรงต้านจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วรายชั่วโมง เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่พรีเมียร์ลีกออกแถลงการณ์เข้ม 6 สโมสรฟุตบอลอังกฤษก็ทยอยออกแถลงการณ์ว่าได้ถอนตัวจากยูเปี้ยน ซูเปอร์ลีกแล้ว ซึ่งเหตุผลใหญ่ที่แต่ละสโมสรชี้แจงออกมาคือเรื่องความเห็นของ “ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย” และ “แฟนบอล”


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมแรกที่ออกแถลงการณ์ โดยกล่าวว่า “สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยืนยันได้ว่าได้มีการบังคับใช้ขั้นตอนอย่างเป็นทางการในการถอนตัวออกจากกลุ่มที่กำลังพัฒนาแผนจัดการแข่งขันยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีกเรียบร้อยแล้ว”


เชลซี ก็ตามมา ด้วยการบอกว่า “สโมสรฟุตบอลเชลซี สามารถยืนยันได้ว่าเรากำลังดำเนินกระบวนการอย่างเป็นทางการ เพื่อถอนตัวจากกลุ่มที่มีแผนการก่อตั้งยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก หลังเข้าร่วมกลุ่มเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนนี้เราได้มีเวลาพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่ และตัดสินใจว่าการดำเนินการมีส่วนร่วมในแผนการเหล่านี้ต่อไป จะไม่เกิดประโยชน์ผลอย่างเต็มที่กับสโมสร กับแฟนบอล หรือสังคมฟุตบอลในวงกว้าง”


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะไม่เข้าร่วมยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก เราได้รับฟังปฏิกิริยาจากแฟน ๆ ของเรา รัฐบาลสหราชอาณาจักร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายสำคัญ อย่างรอบคอบ เรายังคงมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับชุมชนฟุตบอลในวงกว้าง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนสำหรับความท้าทายในระยะยาวที่ต้องเผชิญ”


ขณะที่ อาร์เซนอล มีแถลงการณ์ที่ค่อนข้างยาวกว่าสโมสรอื่น แต่มีความสำคัญที่ขอโทษแฟนบอลว่า “อันเป็นผลมาจากการรับฟังพวกคุณและชุมชนฟุตบอลในวงกว้างในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เราขอถอนตัวจากซูเปอร์ลีก เราทำผิดพลาด และขออภัยในความผิดพลาดนี้ เรารู้ว่าต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูศรัทธาของคุณในสิ่งที่เราพยายามทำ แต่ขอให้เข้าใจว่าการตัดสินใจเป็นส่วนหนึ่งของซูเปอร์ลีกเกิดจากความปรารถนาของเราที่จะปกป้องอาร์เซนอล สโมสรที่คุณรัก และเพื่อสนับสนุนเกมฟุตบอลที่คุณชื่นชอบผ่านความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และความมั่นคงทางการเงินที่มากขึ้น”


ลิเวอร์พูล แชมป์พรีเมียร์ลีกปีล่าสุดออกแถลงการณ์ว่า “สโมสรลิเวอร์พูลยืนยันว่าการมีส่วนร่วมของเราในการเสนอแผนการจัดตั้งยูโรเปี้ยน​ ซูเปอร์​ลีก ได้ถูกยกเลิกแล้ว ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สโมสรได้รับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกสโมสร และเราขอขอบคุณสำหรับการมีส่วนร่วมอันมีค่านี้”


ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ก็ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ได้ถอนตัวจากยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีกแล้ว และแดเนียล เลวี่ ประธานบริหารสโมสรกล่าวว่า เสียใจที่ทำให้แฟนบอลผิดหวังและเสียใจ พร้อมอธิบายเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าร่วมว่าเป็นความพยายามจะพัฒนาโครงสร้างใหม่ เพื่อความยั่งยืนทางการเงิน และเพื่อสนับสนุน ‘พีระมิดฟุตบอล’ ให้ได้มากขึ้น


เมื่อ 6 ใน 12 ผู้ (ตั้งใจว่าจะ) ร่วมก่อตั้ง ได้ถอนตัวออกไป ลีกใหม่จึงยังเดินหน้าไม่ได้ในตอนนี้ แต่ฝ่ายแกนนำยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก ยังไม่ยอมล้มเลิก มีการออกแถลงการณ์มาว่า จะปรับโครงสร้างของโปรเจ็กต์และหาแนวทางต่อไป เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ดังนั้น เราจึงไม่ได้เห็นลีการแข่งขันใหม่ ๆ บนแพลตฟอร์มเดิมพันฟุตบอลออนไลน์ อย่าง Betway88 หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ แต่ก็ไม่แน่ว่าในอนาคต หากโปรเจ็กต์นี้ผ่านข้อพิจารณา เราอาจจะได้เห็นลีกนี้อยู่บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็เป็นได้


เรื่องนี้พิสูจน์ชัดว่า ในโลกฟุตบอล แฟนบอลยิ่งใหญ่เสมอ ไม่ว่าจะมองในแง่บริสุทธิ์ใจปราศจากเชิงพาณิชย์ใด ๆ อย่างการสนับสนุนด้วยใจ ความเป็นชุมชน ความผูกพัน จิตวิญญาณ อุดมการณ์ร่วมของทีมกับแฟนบอล หรือจะมองแบบทุนนิยมก็ยิ่งชัด เมื่อฟุตบอลเป็นโปรดักต์ในโลกทุนนิยม แฟนบอล ซึ่งก็คือผู้บริโภค จึงยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่ดี


“เสน่ห์” ของฟุตบอล ก็ล้วนถูกตัดสินโดยความรู้สึกของแฟนบอลทั้งนั้น การที่ลีกใหม่จะอยู่รอดได้หรือไม่ในระยะยาว จึงไม่ได้ตัดสินโดยแบรนด์ต่าง ๆ ที่จะมาสนับสนุน แต่ตัดสินโดยผู้บริโภคในชื่อเรียกว่า “แฟนบอล” มันจึงย้อนกลับไปว่า แรงทัดทาน-คัดค้านทั้งหมดทั้งมวลจากหลายภาคส่วนที่ทำให้บรรดาสโมสรถอนตัว แม้จะคิดบนฐานเรื่องผลประโยชน์ อาจไม่ใช่เรื่องความรู้สึกของแฟนบอลเป็นหลัก แต่ผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่บรรดาสโมสรนำไปคิดคำนวณบวกลบคูณหาร ก็ล้วนถูกผลักดันและตัดสินโดยแฟนบอลอยู่ดี


มีป้ายประท้วงอันหนึ่งของแฟนบอลเชลซีที่เขียนว่า “FOOTBALL BELONGS TO US NOT YOU” เป็นประโยคสั้น ๆ ที่สรุปความของเรื่องราวครั้งนี้ได้ดี

ติดต่อโฆษณา : TG.Thaigunners@gmail.com PHONE : 096 443 2589

THE HONOUR

FACEBOOK : GUNNERTALK

EMAIL : TG.Thaigunners@gmail.com

TEL : +6696-293-9839